Instagram Story หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ไอจี สตอรี่ (IG Story) ถือเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มเปิดตัวมาในปี 2016 โดยในปัจจุบันนี้ มีคนใช้งานฟีเจอร์นี้ถึงวันละ 500 ล้านแอคเคาท์ Instagram ซึ่งนอกเหนือจากผู้ใช้ทั่วไปแล้ว ฟีเจอร์นี้ยังเป็นที่นิยมมากในกลุ่มธุรกิจ ในฐานะเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญ หลายๆแบรนด์เลือกใช้ช่องทางนี้ในการโปรโมทสินค้า สร้างแบรนด์ รวมไปถึงการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ
สำหรับคนที่เคยลองใช้ Instagram Story ทำการตลาดแล้วแต่คนมาดูไม่เยอะเท่าไหร่ คงอยากรู้ว่าจะทำยังไงให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น มีคนมาดูเยอะขึ้น ซึ่งในบทความนี้ทางทีม UNBOX BKK จะมาบอกเคล็ดลับในการปรับแต่ง Story ของเราให้คนสนใจ ค้นหาง่าย คราวนี้ล่ะจะได้มีจำนวนคนดูและคนกด Click Link ที่ลงไว้มากอย่างที่ใจอยากได้ซะที
5 เคล็ดไม่ลับ สำหรับคนใช้ Instagram Story! คราวนี้แหล่ะทั้งหาง่ายและน่าสนใจ
1. Hashtags ลืมไม่ได้ต้องใช้ทุกครั้งที่ลงสตอรี่
นอกจากในการใช้ Hashtags (#) ในโพสต์แล้ว คุณสามารถใช้ Hashtags บน Instagram Story ได้ด้วย ซึ่งการใช้ Hashtag ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเพิ่มยอดวิวและเปิดโอกาสในการเพิ่มยอดวิวจากผู้ใช้ที่ไม่ได้ติดตาม Business Account ของคุณ เนื่องจากผู้ใช้งาน Instagram สามารถค้นหา Story ผ่าน Hashtag ได้เหมือนกับตอนที่ค้นหารูป และยังสามารถกดติดตาม Hashtag ต่างๆได้ด้วย
โดยการใช้ Hashtags บน Instagram Story จะมีอยู่ 2 ทางด้วยกัน ได้แก่ การใช้ Sticker Hashtags กับการพิมพ์ # ข้างหน้าและใส่คำที่เราต้องการบนรูปหรือวีดีโอสตอรี่ได้เลยซึ่งอย่าลืมว่าการใช้ Hashtags ที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพหรือวีดีโอ นั้นจะช่วยเพิ่ม Engagement ให้กับผู้ใช้ที่เข้ามาพบสตอรี่ของคุณได้ ดังนั้นเราต้องเลือก Hashtag ให้ตรงกับเนื้อหาในสตอรี่นั้นๆ อย่าเลือก Hashtag ท๊อปฮิตที่ไม่เกี่ยวอะไรกับสตอรี่ของคุณเลยเพียงเพราะอยากได้ยอดวิวสูงๆ ไม่งั้นยอดวิวอาจสูงจริง แต่เป็นการวิวรอบเดียวจบ แถมจะทำให้เกิดประสปการณ์ไม่ดีกับผู้รับชมด้วยค่ะ
[/et_pb_text][et_pb_image src=”https://www.unboxbkk.com/wp-content/uploads/2020/05/1-4.jpg” alt=”ทำให้ instagram story มีคนมาดูเยอะๆ” title_text=”1″ _builder_version=”4.4.6″][/et_pb_image][et_pb_text _builder_version=”4.4.6″ text_font=”Thai Regular||||||||” text_text_color=”#666666″ text_font_size=”22px” header_2_font=”Thai Regular||||||||” header_2_text_color=”#333399″ header_2_font_size=”29px”]
2. โปรโมชั่นเด็ดๆ Giveaways แจกของโดนๆ มีอะไรน่าสนใจ โปรโมทผ่าน IG Story เลย
โดยปกติแล้ว IG Story จะมีระยะเวลาไม่เกิน 15 วินาที ดังนั้นธุรกิจและแบรนด์ต้องวางแผนให้ดีว่าในระยะเวลา 15 วินาทีนั้นจะสื่อสารอะไรกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่ง 2-3 วินาทีแรกถือเป็นจุดทดสอบเลยว่าคุณจะดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้มากขนาดไหน หากจับความสนใจของผู้ชมไม่ได้ใน 3 วินาทีแรกแล้วล่ะก็ บ๊ายบาย โดนกดข้ามแน่นอน
ทาง UNBOX BKK แนะนำว่ามีหนึ่งวิธีที่มักจะไดัผลในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้ชมไม่ให้กดผ่าน นั่นก็คือการ Giveaway แจกสินค้า หรือ โปรโมชั่นเด็ดๆต่างๆ ซึ่งผู้ชมมักจะสนใจ โดยเราแนะนำว่าควรจะใช้ Headline ที่ดีงดูดความสนใจผู้ชมได้เป็นการเริ่มต้นสตอรี่ เช่น ซื้อ 2 แถม 2 (Buy 2 Get 2 Free) หรือ ลดพิเศษสำหรับคนโสด เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วการโปรโมทโปรโมชั่นผ่าน Instagram Stories ยังสามารถช่วยให้คุณสร้างข้อแม้ หรือสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต้องทำก่อนที่จะขอรับโปรโมชั่นได้ อย่างเช่น การ Repost หรือ การแชร์ข้อมูลผ่าน Link ที่ติดไว้ โดยหากมีการกำหนดเวลาอย่างจำกัดก็จะทำให้ผู้ชมสนใจมากขึ้น เช่น โปรเด็ดสำหรับสุดสัปดาห์นี้เท่านั้น เป็นต้น
แต่ที่สำคัญที่สุดคือการเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับสินค้าและบริการของเรา ยกตัวอย่างเช่น สินค้าแม่และเด็กหากนำไปให้ผู้ชมวัยเรียน 13-18 ปีดู ต่อให้โปรเด็ดขนาดไหน ยังไงคงไม่มีคนสนใจเท่าไหร่จริงมั๊ยคะ
3. เลือกโปรโมท Content ใน IG Story ให้มีเนื้อหาเดียวทิศทางเดียวกันกับหน้าหลัก
หลายๆครั้งที่คนที่รับชม IG Story ของเราแล้วสนใจอยากรู้จักแบรนด์ให้มากกว่านี้เลยกดไปหน้าโปรไฟล์เพื่อไปดูฟีด (Feed) หลักของเรา ซึ่งแน่นอนว่าหากกดไปดูหน้าหลักแล้วดันไม่น่าสนใจ เนื้อหาไม่ตรงกับใน Story หรือบางทีแย่ไปใหญ่ โปรโมชั่นไม่เหมือนกันอีกต่างหาก หากเกิดสถานการณ์แบบนี้นอกจากผู้ชมจะไม่ได้ลูกค้าเพิ่มแล้ว ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ชมอีกด้วย เพราะฉะนั้นการจัดเนื้อหาให้ต่อเนื่อง ถูกต้อง มีทิศทางเดียวกันทั้ง IG Story และ Profile หน้าหลักนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
และอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า สำหรับโพสต์หน้าหลักนั้น แบรดน์สามารถลง Caption หรือรูปภาพหลายๆ ภาพได้ และสามารถใส่คำบรรยายเนื้อหาได้ค่อนข้างละเอียด ส่วนใน IG Story เราจะใส่เนื้อหาเยอะๆ ไม่ได้ ดังนั้นการโปรโมทเนื้อหาเดียวกันกับหน้าหลักจึงถือเป็นการส่งเสริมกัน หากสนใจใน Story ก็กดไปดูหน้าหลัก และกด Like กด Save รวมถึงแชร์โพสต์ในหน้าหลักได้ทันที
[/et_pb_text][et_pb_image src=”https://www.unboxbkk.com/wp-content/uploads/2020/05/2-4.jpg” alt=”ทำยังไงให้มีคนมาดู instagram story เยอะๆ” title_text=”2″ _builder_version=”4.4.6″][/et_pb_image][et_pb_text _builder_version=”4.4.6″ text_font=”Thai Regular||||||||” text_text_color=”#666666″ text_font_size=”22px” header_2_font=”Thai Regular||||||||” header_2_text_color=”#333399″ header_2_font_size=”29px”]
4. อย่าลืมเพิ่มลูกเล่น “Tap to See More” หรือ แตะดูสิมีอะไรรออยู่นะ
สำหรับ IG Stories แล้ว ถ้าหากเลื่อนซ้ายจะเป็นการเปลี่ยน Profile Story แต่ถ้ากดแตะที่ Story ทางฝั่งขวาจะเป็นการดู Story ถัดไปของ Instagram Profile เดิม ดังนั้นถ้าหากเราเลือกที่จะลงสตอรี่ประมาณ 2-3 สตอรี่เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบการโปรโมทสินค้าหรือ Content Plan ของเราแล้ว เราจะสามารถใส่ข้อความ Tap to See More หรือ Tap for More ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “แตะเพื่อดูเพิ่มเติม” เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรารู้ว่าอย่าเพิ่งเลื่อนข้ามนะ ต้องกดดูสตอรี่ถัดไปของคุณเพราะมีคอนเทนต์อื่นที่มีเนื้อหาต่อเนื่องกันรออยู่
ซึ่งการใช้ลูกเล่นนี้นั้นสามารถทำได้ทั้งการใส่คำพูด ใส่อีโมจิ หรืออาจทำเป็นลูกเล่นเอามือชี้ในกรณีที่เราลงสตอรี่เป็นแบบวีดีโอ แต่สิ่งที่เราไม่ค่อยแนะนำให้ทำคือการใส่เป็นเสียงพูดในสตอรี่ว่าอย่าเพื่งกดผ่าน เพราะผู้ใช้ส่วนมากดู IG Story แบบไม่เปิดเสียงนั่นเอง
5. ใช้ไอเดียสร้างเนื้อหาที่คนดูอยากดูแล้วดูอีก
เคยมีไหมที่เราเห็น IG Story ที่น่าสนใจมากมากจนไปกดติดตามหน้าโปรไฟล์หลัก หรือบางครั้งมันโดนใจจนอยาก Save ไว้จะได้ดูแล้วดูอีกได้
“เดี๋ยวนะ นี่ IG Story ไม่ใช่หน้าหน้าโปรไฟล์คนจะเซฟเก็บไว้ได้ยังไง?”
ถ้าคุณอ่านมาถึงข้อนี้แล้วเกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกค่ะ ลองคิดภาพดูนะคะเวลาคุณเปิดดูสตอรี่แล้วเจอ Content บางอย่าง เช่น สูตรอาหาร หรือวิธีออกกำลังกาย ต่างๆ ที่คุณชอบมาก จนอยาก Save เก็บไว้เพื่อเปิดดูอีกครั้งในภายหลัง แต่ติดที่ว่า IG Story มัน Save ไม่ได้ ทำยังไงดีล่ะทีนี้? คำตอบที่คนส่วนมากทำกันก็คือ ในเมื่อกด Save ไม่ได้ งั้น Screenshot เลยละกัน!
ซึ่งหากมีเหตุการณ์แบบนี้ก็แปลว่า Content เหล่านั้นคือ Content ที่มีคุณค่า (Quality Content) หรือเป็น Content ที่มีประโยชน์ต่อความสนใจของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง และ Content แบบนี้แหละที่เราสนับสนุนให้คุณทำ เช่น ถ้าหากคุณเป็นแบรนด์เสื้อผ้า คุณสามารถทำ Content เกี่ยวกับ วิธีการวัดขนาดตัวง่ายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ หรือ วิธีการเลือกแนวเสื้อผ้าที่เหมาะกับการลุคของคุณ หรือถ้าหากคุณเป็นธุรกิจร้านอาหาร คุณสามารถทำคอนเทนต์แนวสอนทำอาหารง่ายๆ สไตล์ ร้านเรา ที่บ้าน เพื่อเป็นการกระตุ้นการ Screenshot และการตามติดตามหน้าโปรไฟล์หลักได้เช่นกัน
Contributor
Katina Rinsawad
Considered herself as a Digital Nerd. Full time digital marketer and freelance business consultant for SMEs. 70% of her life is spent in digital world while the remaining 30% is with luggages, boarding passes, and 2 cameras.