ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด และข้อมูลข่าวสารต่างๆ มีการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ มากมาย ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่จะการเสพในสิ่งที่ตัวเองสนใจมากขึ้นในหลากหลายช่องทาง จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพของการทำโฆษณาแบบเดิมๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะโฆษณาแบบบังคับไม่ว่าจะเป็น Banner หรือ Pop-up ที่รบกวนสายตาเวลาเราเข้าเว็บไซต์ หรือโฆษณาที่เรากดข้ามไม่ได้ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความรำคาญใจต่อผู้ชม โดยเฉพาะในกรณีที่เราทำทาร์เก็ตติ้ง เลือกกลุ่มเป้าหมายผิดควบคู่ไปด้วยแล้วล่ะก็ ไม่เกิดผลดีแน่ๆ
ด้วยความที่โฆษณาออนไลน์มีเยอะมากขึ้นเรื่อยๆแต่ความสนใจของคนกับโฆษณาออนไลน์ก็มีปัจจัยกระทบหลากหลายมากขึ้น คนช่างเลือกมากขึ้น และเริ่มเชื่อโฆษณาน้อยลง เพราะเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Native Advertising หรือแปลเป็นภาษาไทยตรงๆได้ว่าการทำโฆษณาแบบกลมกลืน ได้รับความสนใจมากขึ้นในหลายๆ ปีที่ผ่านมานี้ แต่ก็อาจจะยังมีบางคนที่ยังไม่เข้าใจความหมายของ Native Advertising เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะหลายๆคนที่สงสัยว่าแล้วมันแตกต่างจากโฆษณาแบบปกติยังไง ทำไมแบรนด์ต่างๆถึงชอบทำกันจัง ในบทความนี้ UNBOX BKK เลยจะมาอธิบายเกี่ยวกับ Native Advertising ว่ามันคืออะไร มีกี่แบบ แบบไหนบ้าง แถมด้วยกลวิธีง่ายๆในการเริ่มต้นทำ Native Advertising กันค่ะ
Native Advertising คือ อะไร?
Native Advertising คือ รูปแบบโฆษณาชนิดหนึ่ง ที่มีการใช้รูปแบบเนื้อหาเดียวกันกับเนื้อหาปกติบนเว็บไซต์หรือบน Social Platform ต่างๆที่เราเลือก เพื่อตีเนียนให้กลมกลืนกับเนื้อหาของเว็บ และเข้ากันกับความต้องการและความสนใจของผู้ชมที่เข้ามาดูคอนเทนต์ต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์นั้นๆ โดยพยายามทำให้ผู้ชมไม่แน่ใจ หรือไม่รู้ว่าเป็นโฆษณา จนกว่าจะได้อ่าน หรือดูโฆษณาจนจบ บางทีอ่านจนจบแล้วก็ยังไม่รู่ต้องมองลึกไปถึงที่มาของโฆษณาว่าสนับสนุนโดยใครกันเชียว
โดยหลักการทำงานของ Native Advertising คือ Tie-in เรื่องราวต่างๆ ของแบรนด์และสินค้าในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป เน้นการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ มีประโยชน์ ไม่ได้มาขายสินค้าหรือบริการแบบโต้งๆ ทำให้ผู้เสพสื่อนั้นแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่า กำลังอ่านโฆษณาอยู่ เรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำการตลาดยุคใหม่ ที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการทำเลยทีเดียว
Native Advertising มีกี่แบบ?
จริงๆแล้ว Native Advertising นั้นมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลา ผู้ทำโฆษณาต้องมีความ Creative เสมอ และการแบ่งประเภทนั้นก็มีการแบ่งหลายแบบ แต่วันนี้ทาง UNBOX BKK ลองนำการแบ่งประเภทของ Native Advertising ตามแบบที่ทางสมาคมโฆษณาออนไลน์ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Interactive Advertising Bureau (IAB) สรุปมาให้ลองอ่านกันก่อน
โดยทาง IAB ได้ทำการแบ่งประเภทไว้ทั้งหมด 6 แบบด้วยกัน ดังนี้ค่ะ
- Paid Search หรือรูปแบบโฆษณาที่ใช้ผลลัพธ์การค้นหานั้นๆ ให้ออกมาในรูปแบบเดียวกันกับที่ผู้ค้นหากำลังสนใจ
- In Feed หรือรูปแบบโฆษณาที่แทรกอยู่ในหน้า Feed ข้อความโฆษณาที่กำลังเสพ โดยใช้รูปแบบเดียวกันกับ Feed ที่เรากำลังอ่าน
- Widgets หรือรูปแบบโฆษณาที่ใช้วิธีการแนะนำเนื้อหาต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์
- Promoted Listings หรือรูปแบบโฆษณาที่ใช้วิธีโปรโมทสินค้าเป้น List แบบต่างๆ
- In-Ad หรือรูปแบบโฆษณาที่แสดงอยู่ในเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ต่างๆ
- Custom หรือรูปแบบโฆษณาที่ใช้การสร้างสรรค์เนื้อหาในรูปแบบของตัวเองแบบที่ไม่เหมือนกับในเว็บไซต์ เพื่อเป็นการสร้างความน่าสนใจ (แต่ในขณะเดียวกันยังเจาะกลุ่มเป้าหมายแบบเดียวกับผู้อ่านหลักของเว็บไซต์นั้นๆ อยู่)
Native Advertising มาแรงขนาดไหน?
ในปี 2019 ที่ผ่านมาบนโลกออนไลน์ได้มีการรวบรวมสถิติมากมายขึ้นมา หนึ่งในสถิติที่เราเห็นกันได้ชัดคือ สถิติการใช้โฆษณาบน Platforms ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads หรือแม้แต่ Native Ads เองก็ตาม และแน่นอนว่า การวัดค่าความสนใจของคนที่ให้กับการทำการตลาดดิจิทัลผ่าน Native Advertising นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยวันนี้เรามีสถิติที่น่าสนใจของNative Advertising มาฝากกัน 5 ข้อตามนี้ค่ะ (สถิติทั้ง 5 ข้อมาจากเว็บไซต์ Taboola ที่เป็น Media Publisher รายใหญ่ที่ให้บริการด้าน Native Advertising)
5 สถิติสำคัญที่บอกว่า Native Advertising นั้นมาแรง
- Native Display Ads ให้ผล CTR (Click-Through-Rate) หรืออัตราการคลิกต่อการเห็น 100 ครั้ง ที่ดีกว่าโฆษณาธรรมดาถึง 8 เท่า แสดงให้เห็นว่าคนให้ความสนใจ อยากเรียนรู้เพื่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ถูกโฆษณาผ่าน Native Advertising มากกว่า
- Native Ads ได้รับความนิยมในหมู่นักการตลาดและแบรนด์ต่างๆอย่างมากโดย มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 35% ในปี 2017-2018
- Native Ads นั้นได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างดี โดยมีอัตราการชมโฆษณาสูงกว่าโฆษณาปกติทั่วไปถึง 53%
- Native Ads เวิร์คมากกับการกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ชม โดยการได้ดู Native Ads นั้นทำให้มีผู้ชมสนใจซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์มากขึ้นถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับโฆษณาปกติทั่วไป
- Native Ads ทำงานได้ดีในส่วนของการเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้าหรือบริการ โดยมีคนมากกว่า 70% บอกว่าการที่พวกเขาสนใจเสพข้อมูลหรือเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆนั้นมาจากการที่เห็น Native Ads
[/et_pb_text][et_pb_image src=”https://www.unboxbkk.com/wp-content/uploads/2020/05/2-5.jpg” alt=”Native Advertising คืออะไร” title_text=”2″ _builder_version=”4.4.6″][/et_pb_image][et_pb_text _builder_version=”4.4.6″ text_font=”Thai Regular||||||||” text_text_color=”#666666″ text_font_size=”22px” header_2_font=”Thai Regular||||||||” header_2_text_color=”#333399″ header_2_font_size=”29px”]
เริ่มต้นง่ายๆ ถ้าหากสนใจทำ Native Advertising ต้องทำอย่างไร?
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนคงคิดว่าในเมื่อ Native Advertising ดีขนาดนี้ เราไม่ทำไม่ได้แล้ว แต่เอ๊ะ! จะเริ่มยังไงดีล่ะ?
เอาเป็นว่าถ้าหากคุณสนใจในการทำ Native Advertising แล้ว UNBOX BKK อยากแนะนำให้พิจารณาดังต่อไปนี้ค่ะ
- เลือกกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) ให้ชัดเจน และทำการศึกษาถึงความชอบ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายก่อนเริ่มวางแผนเนื้อหา เพราะถ้าอยากจะทำ Native Advertising ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี คุณภาพเนื้อหาดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่นถ้าขายอาหารคลีนแบบส่งตามบ้าน จะจับกลุ่มแม่บ้าน กับกลุ่มวัยทำงาน แน่นอนว่าก็ต้องใช้เนื้อหาและเลือกเว็บไซต์ไม่เหมือนกัน
- ตัดสินใจเลือก Media Publisher จากงบประมาณที่มี โดยจะทำการดีลโดยตรงหรือผ่านเอเยนซี่ (สำหรับในประเทศไทยตอนนี้จะมีผู้ให้บริการเกี่ยวกับ Native Advertising เจ้าใหญ่ๆอย่างเช่น Taboola และยังมีผู้บริการรายย่อยอยู่อีกมากมาย) โดยใช้วิธีคิดโดยยึดที่กลุ่มเป้าหมายและสินค้าของเราเป็นหลัก หลายๆครั้งไม่จำเป็นต้องทำ Native Ads กับเว็บไซต์ชื่อดัง (ที่ราคาก็จะสูงขึ้นไปด้วย) ก็เวิรค์ได้ ถ้าเนื้อหาโดนใจ และจับกลุ่มเป้าหมายถูกต้อง
- ใส่ใจกับการวาง Story เนื้อหาสำหรับการลง Media Publisher และ เตรียมสร้างคอนเทนต์เด็ดๆพร้อมกับกราฟฟิคโดนๆ เพื่อดึงดูดความสนใจผู้เสพคอนเทนต์ หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยเราแนะนำให้เลือกคอนเทนต์ที่อ่านง่าย มีความยาวไม่มากเกินไป รูปภาพน่าสนใจ และเหมาะกับการนำไปแชร์ต่อ
- เลือกช่องทาง เว็บไซต์และ Social Platforms ที่คุณต้องการนำ Native Advertising ไปลง โดยพิจารณาให้ดีว่าจะใช้ช่องทางไหนบ้าง แต่ละช่องทางเหมือนหรือต่าง ส่งเสริมกันอย่างไร และจะสามารถส่งช่วยผลลัพธ์ที่ดีต่อยอดขายหรือแบรนด์ของคุณได้ในแบบไหน โดยเราแนะนำให้วางแผนก่อนล่วงหน้าเลย จะได้สามารถคุมธีมโฆษณา เลือกทำคอนเทนต์ได้เหมาะสม และไม่เกิดปัญหาเนื้อหาซ้อนทับกันด้วย
จากที่ได้ลองอ่านมาทั้งหมด ทุกทุกคนคงจะเห็นและเข้าใจแล้วว่าการทำ Native Advertising นั้นคืออะไร มีความสำคัญขนาดไหน และควรเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งถ้าหากไปทำแล้วได้ผลเป็นยังไงเอามาแชร์ให้ทีมงาน UNBOX BKK ฟังไม่ว่าจะในคอมเมนต์ ใน Facebook หรือ Instagram ของเราด้วยนะคะ
Contributor
Katina Rinsawad
Considered herself as a Digital Nerd. Full time digital marketer and freelance business consultant for SMEs. 70% of her life is spent in digital world while the remaining 30% is with luggages, boarding passes, and 2 cameras.