ยุค COVID-19 มาพร้อมกับความท้าทายในการท่องเที่ยวที่เราไม่เคยเจอมาก่อน สำหรับคนที่อยากมีประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้ ทีมงาน UNBOX รวบรวมข้อมูลการเตรียมตัวและประเทศที่น่าไปเที่ยวในช่วงนี้มาฝากครับ
ความท้าทายเมื่อกลับประเทศ
ต้องออกตัวก่อนว่า ไปเที่ยวแล้วต้องกลับมากักตัวนะครับ ไม่ว่าชาวต่างชาติหรือชาวไทยหากเดินทางเข้าประเทศไทย ตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
1. ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามข้อกำหนดของไทยจะต้องกักตัวไม่น้อยกว่า 10 วัน
2. ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามข้อกำหนดของไทย โดยได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนการเดินทาง จะต้องกักตัวไม่น้อยกว่า 7 วัน
จากข้อมูลของกงสุลประเทศไทย วัคซีนที่อยู่ในข้อกำหนดของไทยเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา ได้รับการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุขไทยแล้ว ได้แก่
1. CORONAVAC (SINOVAC)
2. ASTRAZENECA
3. PFIZER
4. JANSSEN หรือ JOHNSON & JOHNSON
5. MODERNA
6. SINOPHARM
7. SPUTNIK V
เพิ่มเติมในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564 รัฐบาลได้ประกาศให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 มีการยกเว้นผู้ที่มาจากประเทศที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน สหรัฐอเมริกา ถ้ามีการตรวจ RT-PCR ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง จากต้นทางและตอนเข้าเมืองแล้วไม่มีอาการติดเชื้อจะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว
เอกสารประกอบการเดินทางเข้าประเทศไทย
เมื่อจะเดินทางกลับประเทศไทย จะต้องมีสิ่งต่อไปนี้:
1. เอกสาร RT-PCR แสดงผลตรวจ COVID-19 เป็นลบ
2. กรอกแบบฟอร์มคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรออนไลน์ (แบบ ต.8)
3. ขอใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ Certificate of Entry (COE) กรอกแบบฟอร์ม ขอรับเอกสาร ที่เว็บไซต์ https://coethailand.mfa.go.th เพื่อพิมพ์เอามาใช้ในการตรวจคนเข้าประเทศไทย
4. หลักฐานการจองสถานที่กักตัวหลังเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยสามารถเลือกวิธีการกักตัวได้ 2 รูปด้วยกัน คือ
4.1 Alternative Quarantine (AQ) มีโรงแรมในกรุงเทพฯ จำนวนมากและบางโรงแรมในพัทยาเข้าร่วมรายการนี้ โดยให้บริการเป็นแพคเกจ ที่พัก อาหาร การทดสอบ COVID-19 รถรับส่ง พยาบาลให้บริการตอบคำถาม นอกจากนี้อาจมีการ อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในโรงแรมได้เป็นบางอย่าง รวมถึงสั่งซื้ออาหารจากภายนอกได้ด้วย ราคาแพคเกจอยู่ที่ประมาณ 17,000-70,000 บาท ต่อคน สำหรับห้องทั่วไป แล้วแต่โรงแรมและจำนวนวันที่ต้องกักตัว บางที่จะมีราคาพิเศษให้กับคนไทยด้วย
(ตัวอย่างภาพห้อง Deluxe ของ Grand Richmond ราคาเริ่มต้นที่ 22,000 บาท สำหรับแพคเกจกักตัว 7 วัน)
4.2 Sandbox (หากเลือกวิธีนี้ ต้องมีประกันสุขภาพวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐที่ครอบคลุมการรักษา COVID-19 ในประเทศไทย) โครงการให้กักตัวในพื้นที่ โดยเข้าพักกับโรงแรมที่อยู่มีเครื่องหมาย SHA Plus แสดงการรับรองจากรัฐบาล โดยให้ผู้ที่กักตัวยังสามารถเดินทางอยู่ในจังหวัดที่กำหนด รูปแบบ Sandbox ของไทย มี 2 แบบด้วยกันในตอนนี้ ได้แก่
4.2.1 Phuket Sandbox อยู่ในภูเก็ต 14 วัน สามารถเดินทางมาจากประเทศใดก็ได้
4.2.2 Phuket Sandbox 7+7 อยู่ในภูเก็ต 7 วัน และเดินทางในจังหวัดใกล้เคียง อาทิ สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา อีก 7 วัน โดยผู้ที่จะเลือกวิธี 7+7 นี้ได้ ต้องเดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางเท่านั้น
นั่นก็จบลงไปสำหรับส่วนของเงื่อนไขที่เราต้องเจอเมื่อเดินทางกลับมา ถ้าเกิดว่าเหล่านี้ไม่มีปัญหาล่ะก็ เรามาดูกันบ้างดีกว่าว่ามีประเทศไหนที่ไปได้และน่าไปเที่ยวในช่วงนี้บ้าง UNBOX คัดประเทศที่คนไทยสามารถไปเที่ยวได้ง่าย อาจจะต้องมีตรวจ COVID-19 นิดหน่อย แต่ไม่ต้องกักตัวจะได้ใช้เวลาท่องเที่ยวได้เต็มที่ ทั้งนี้ นี่เป็นข้อมูลเบื้องต้นให้พอเป็นไอเดีย อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเองอีกครั้งเกี่ยวกับสถานที่ปลายทางนะครับ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปตามสถานการณ์
ประเทศที่เราคิดว่าน่าไปเที่ยว
น่าเสียดายประเทศโซนเอเชียที่เป็น Top Destination ของคนไทยหลายคนทั้งเกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น จีน ยังอยู่ในสภาวะที่ไม่สู้ดี ทั้งจำนวนเที่ยวบินก็ไม่มากตั้งแต่ยุคก่อน COVID-19 จนถึงตอนนี้ ทำให้ราคาเที่ยวบินไม่ค่อยลดลงนัก ทั้งยังไม่ค่อยเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดี ถ้าจะลองมองไปยังประเทศที่อยู่ในโซนยุโรปและอเมริกา เพราะประเทศเหล่านั้นเปิดรับนักท่องเที่ยวกันมากกว่าและตั๋วเครื่องบินก็กำลังราคาถูกลงจึงเป็นโอกาสดีที่จะเดินทางไปยังประเทศที่อยู่ไกลออกไปสักหน่อย
สวิตเซอร์แลนด์
ประเทศที่ไปง่าย ปลอดภัย โรแมนติกสำหรับคนไทย วีซ่าเชงเก้นใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 วันก็รู้ผล ทำให้วางแผนเที่ยวได้สะดวก ยิ่งถ้าฉีดวัคซีน มีใบรับรองการฉีดวัคซีนในระยะเวลา 6 เดือนก่อนเดินทางก็เข้าได้เลย แค่กรอกฟอร์มล่วงหน้าอย่างเร็วที่สุด 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางไปถึง ฟอร์มสามารถกรอกออนไลน์ได้ด้วยเพื่อรับ QR Code รับรองเพื่อไปใช้แสดงตอนตรวจคนเข้าเมือง หรือต่อให้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แค่เข้าประเทศไปตรวจและมีตรวจซ้ำในอีก 4-7 วันเพื่อส่งให้ทางการให้หลังก็โอเค หรือถ้าอยู่ไม่ถึง 4 วันก็ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำ วัคซีนที่สวิตเซอร์แลนด์ยอมรับได้แก่:
- Pfizer/BioNTech (BNT162b2 / Comirnaty® / Tozinameran)
- Moderna (mRNA-1273 / Spikevax / COVID-19 vaccine Moderna)
- AstraZeneca (AZD1222 Vaxzevria®/ Covishield™)
- Janssen / Johnson & Johnson (Ad26.COV2.S)
- Sinopharm / BIBP (SARS-CoV-2 Vaccine (Vero Cell))
- Sinovac (CoronaVac)
สหรัฐอเมริกา
ประเทศที่อยู่ไกลจากไทยเหลือเกิน ทำให้น่าสนใจมากในช่วงที่ตั๋วเครื่องบินกำลังราคาถูกจากที่ปกติราคาโหดร้ายอยู่ทีเดียว สหรัฐอเมริกาแทบไม่มีนโยบายการคัดกรอง COVID-19 เลย เพียงแต่มีข้อกำหนดว่าต้องใช้เอกสารแสดงผลการตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่อย่างใด นอกจากนี้จากประกาศนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2021 ที่บอกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 คนไทยที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาไม่ต้องกักตัวด้วย ไม่มีผลกระทบหลังจากจบทริปทำให้เที่ยวได้สบายขึ้น
หากใครสามารถทำงานแบบ Work From Anywhere ได้ น่าจะนับว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่น่าสนใจมาก เพราะสามารถเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย ย้ายเมืองไปเรื่อยๆ ได้เจอภูมิทัศน์ที่หลากหลาย อย่างไรก็ดีสิ่งที่สร้างความยุ่งยากที่สุดเกี่ยวกับการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาก็ยังคงเป็นเรื่องวีซ่าเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากต้องใช้เวลาดำเนินการนานถึงประมาณ 45 วันกว่าจะรู้ผล อย่างน้อยๆ ก็ควรจะทำวีซ่าเตรียมไว้ก่อนที่จะเริ่มวางแผนเที่ยวครับ
สหราชอาณาจักร
ประเทศสำหรับมิตรรักแฟนบอล ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้เข้าชม Premier League ที่ขอบสนามได้แล้วด้วย หากไม่ได้ชื่นชอบการดูฟุตบอล ประเทศอังกฤษก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้ชมอีกมากมาย ทั้งปราสาท วิหาร อาคารเก่าแก่ ประเทศอังกฤษขับรถยนต์ใช้พวงมาลัยขวาเหมือนกับประเทศไทย การไปขับรถเที่ยวเองในประเทศอังกฤษก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีใบขับขี่สากล
การขอวีซ่าประเทศอังกฤษโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 15 วัน ส่วนข้อกำหนดเกี่ยวกับ COVID-19 ผู้ที่ได้รับวัคซีนและมีหลักฐานแสดงการรับวัคซีนครบ 2 โดสเกินกว่า 14 วันก่อนเดินทางไปถึง สามารถกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ Passenger Locator Form จองและชำระค่าตรวจ COVID-19 ในวันที่ 2 ที่เดินทางไปถึง ก็สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
วัคซีนที่ประเทศอังกฤษยอมรับมีดังต่อไปนี้ :
- Pfizer/BioNTech
- Moderna (รวมถึง Moderna Takeda)
- AstraZeneca (รวมถึงที่ผลิตโดย Siam Bioscience)
- Janssen
โปแลนด์
ดินแดนของวิหาร ปราสาท เมืองเก่าทั้งเป็นเชิงวัฒนธรรม และเชิงประวัติศาสตร์แบบสงครามโลก โปแลนด์มีค่าครองชีพค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในโซนยุโรป ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเพราะไม่ต้องกักตัว ใช้หลักฐานแสดงว่าได้รับวัคซีนโดสสุดท้ายมานานกว่า 14 วันก่อนจะเดินทางเข้าโปแลนด์ แสดงเอกสารคู่กับผลการตรวจ RT-PCR กรอกเอกสารออนไลน์ Passenger Locator Form (PLF) ก็เข้าประเทศได้ วัคซีนที่โปแลนด์ยอมรับ เป็นไปตามมาตรฐานของ EU ได้แก่
- Pfizer/BioNTech (Comirnaty)
- Moderna (Spikevax / COVID-19 Vaccine Moderna)
- AstraZeneca (Vaxzevria/ COVID-19 Vaccine AstraZeneca)
- Janssen-Cilag International NV (COVID-19 Vaccine Janssen)
โปแลนด์ใช้วีซ่าแชงเก้นเช่นเดียวกับสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 วัน
เหล่านี้ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการไปท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2021 ซึ่งก็มีเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลไทยมีนโยบายเปิดประเทศมากขึ้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 เป็นต้นไป น่าจะทำให้หลายคนเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้นและต้องใช้เอกสารเข้าประเทศน้อยลง อย่างไรลองติดตามข่าวสารกันดูนะครับ