โลกยุคออนไลน์ที่ทุกคนสามารถช้อปปิ้ง กดซื้อของถูกใจได้ง่ายๆ สบายๆ จากทั่วทุกมุมโลก ก็ถือเป็นอีกช่องโอกาสของร้านค้า ไม่ว่าจะเจ้าเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถมีหน้าร้านออนไลน์บนเว็บไซต์ที่เหมือนเป็นห้างสรรพสินค้าให้คนเข้าไปเลือกซื้อได้แบบไร้พรมแดน โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างจีนและอเมริกา ที่คาดการณ์ว่าตลาด E-commerce จะโตอย่างมากโดยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี จนถึงปี 2024 วันนี้ทาง UNBOX จึงรวบรวมแหล่งขายสินค้ามาแชร์เป็นไอเดีย เผื่อว่าใครอยากเปิดตลาดส่งออกแบรนด์ไทยกัน
1. eBay.com

ต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากจริงๆ กับ eBay เว็ปไซต์ขายของออนไลน์ที่เปิดตลาดให้คนทั่วโลกได้มาวางขาย และมาจับจ่าย โดยแพลตฟอร์ม eBay นั้นมีสมาชิกทั่วโลกเกือบถึง 200 ล้านคน! ลูกค้าหลักของ eBay เลยก็คือชาวอเมริกา ที่มีมากถึง 70% และมีสินค้าให้เลือกมากมายถึง 1,300 ล้านรายการทุกประเภท ทั้งมือหนึ่ง มือสอง และของหายาก ของสะสม จุดเด่นของ eBay นั้นอยู่ที่ผู้ขายสามารถตั้งราคาได้ 2 แบบคือ แบบที่ 1 ตั้งราคาตายตัวเหมือนเว็บไซต์ทั่วไป และแบบที่ 2 ตั้งราคาเริ่มต้นให้คนซื้อสามารถประมูลราคาได้ในเวลาที่กำหนด (Bidding) ซึ่งเป็นการสร้างความตื่นเต้นให้กับคนประมูลซื้อ ยิ่งถ้าเป็นไอเทมหายากแล้วล่ะก็ เผลอๆ กำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์เลยแหละ
2. Amazon.com

Amazon เว็ปไซต์ชื่อดัง พูดชื่อแล้วใครๆก็ต้องอ๋อ! ตลาดใหญ่ยิ่งกว่า eBay เสียอีก เพราะมีฐานลูกค้าสมัครสมาชิกมากถึง 244 ล้านบัญชีจากทั่วทุกมุมโลก! ไม่ว่าจะหาสินค้าแบบไหน Amazon มีแทบทุกอย่าง แต่การจะร่วมขายกับ Amazon ได้นั้นเราต้องโดนหักเปอร์เซ็นต์จากรายได้อยู่บ้างขึ้นกับประเภทและขนาดของแต่ละสินค้า นอกจากนี้ Amazon ยังมีบริการที่เรียกว่า Fullfillment by Amazon นั่นคือการที่แบรนด์ส่งสินค้าไปไว้ที่โกดัง แล้วทาง Amazon จะนำสินค้าในสต๊อกไปแพคและจัดจ่ายสินค้าให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยที่ทางแบรนด์ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม แต่ถ้าสินค้าชิ้นนั้นๆติดตลาด Amazon ได้ รับรองว่าคุ้มในคุ้ม!
3. Etsy.com

Etsy อีกหนึ่งเว็บไซต์ขายของออนไลน์สัญชาติอเมริกันที่เหมาะสำหรับสินค้า Handmade Craft หรืองานฝีมือ งานศิลปะเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า การ์ด เทียนหอม สมุดบันทึก หรือของ Personalized ต่างๆ โดย Etsy นั้น มีผู้ขายอยู่ที่ประมาณ 2.3 ล้านร้านค้า และผู้ซื้อประมาณ 44 ล้านบัญชี ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว มีแบรนด์ไทยไปใช้บริการเว็บไซต์นี้และได้ผลตอบรับที่ดีเป็นจำนวนมาก Etsy นั้นมีช่องทางให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถส่งข้อความหากันได้อย่างสะดวกสบาย หากมีงานคราฟต์ หรืออยากหาไอเดียขายของทำมือ มาลองดูที่ Etsy.com ก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าแบบไทยๆ
4. Alibaba และ Aliexpress


อีกตลาดยักษ์ใหญ่ที่พ่อค้าแม่ขายควรศึกษาและเข้าไปให้ถึงคือตลาดจีน แน่นอนอยู่แล้วว่าจีนคือตลาดใหญ่ของโลกเพราะครอบคลุมทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ซึ่ง Alibaba และ AliExpress ก็เป็นอีกช่องทางที่เปิดโอกาสให้คนต่างชาตินอกจากคนจีนมีสิทธิ์เปิดหน้าร้านออนไลน์ได้ โดยบริษัทจะแยกกลุ่มลูกค้าออกชัดเจน ให้ Alibaba เป็นเว็ปไซต์สำหรับร้านขายส่ง ราคาที่วางอาจจะไม่สูงมาก แต่เน้นที่จำนวนที่ขาย ส่วน AliExpress จะเป็นสินค้าขายปลีก หรือสำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อจำนวนน้อยกว่าแต่อาจขายได้ในราคาที่สูงกว่า
ทั้ง 2 แพลตฟอร์มนั้นมีหมวดหมู่สินค้าประมาณ 12 หมวดหมู่หลัก สินค้ารวมประมาณ 100 ล้านรายการ
5. Taobao

Taobao หรือเถาเป่า คือเว็บขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก สังกัดภายใต้ Alibaba Group จุดเด่นคือสินค้าที่ขายในเว็บจะราคาถูกมากๆ เนื่องจากผู้ซื้อจะได้ซื้อสินค้าจากร้านค้าโดยตรง ไม่มีพ่อค้าคนกลางมาบวกกำไรเพิ่ม แต่ข้อเสียคือเนื่องจากเป็นเว็บไซต์จากประเทศจีน ร้านค้าส่วนใหญ่จะใช้ภาษาจีน ซึ่งจริงอยู่ที่มีฟังก์ชั่นแปลภาษา แต่ถ้าสามารถทำความเข้าใจภาษาจีนได้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจใช้แพลตฟอร์มนี้มากขึ้น
แพลตฟอร์มนี้เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการขายของให้คนจีนโดยเฉพาะ ไม่แนะนำสินค้าที่เป็น Global Brands เนื่องจาก Taobao จะแข่งขันที่ราคาเป็นหลัก นอกจากนี้ Taobao มีบริการส่งของภายใน 1 วัน! รวมถึงคอยอัพเดตเทรนด์ คอนเทนต์ ให้ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย