เมื่อสร้างแบรนด์หรือทำโฆษณาก็คงหนีไม่พ้นการที่จะต้องหารูปมาใช้ประกอบสื่อโฆษณาให้ดึงดูดสายตาจากผู้บริโภค ซึ่งจากสถิติก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนทั่วไปให้ความสำคัญกับ Content ที่เป็นภาพหรือวีดีโอมากกว่าแค่คำโฆษณาเปล่าๆ หลายเท่า
ทั้งนี้ สำหรับบางธุรกิจการจะนำภาพหรือสื่ออื่นใดมาใช้ในการทำงาน จะให้ลงทุนถ่ายทำหรือวาดภาพเองก็อาจจะใช้เวลาหรือทุนทรัพย์มากเกินไป จึงใช้ค้นหาภาพจาก Internet เอา ซึ่งก็ควรจะหาภาพมาใช้อย่างถูกกฎหมาย ไม่ควรไป Copy ภาพของคนอื่นมาใช้โดยเจ้าของไม่อนุญาตไม่ว่าจะจาก Website, Social Media หรือ Google
ให้ Stock Photo ดูแล
ปัจจุบันนี้มีเว็ปไซต์ Stock Photo หลากหลายเจ้า เป็นคลังเก็บภาพจำนวนมหาศาลที่เราเข้าไปเลือกสรรมาใช้ได้ ทั้งที่เจ้าของเว็ปไซต์เป็นผู้ลงเองหรือเปิดเป็น Platform ให้ช่างภาพจะมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นเข้ามา Upload ผลงานของตัวเองไว้ โดยเว็ป Stock Photo มีทั้งแบบที่เราสามารถโหลดภาพมาใช้ได้ฟรีและแบบที่ต้องเสียเงิน บางเว็ปไซต์ก็เป็นแบบปนๆ กัน แล้วแต่เจ้าของภาพเลือกว่าจะแจกหรือขายภาพของเขา วันนี้ทีม UNBOX จึงอยากนำเว็ปไซต์ Stock Photo ยอดนิยมทั้งแบบฟรีและแบบที่ต้องเสียเงินมาแนะนำกัน
คำเตือนในการใช้รูปจากเว็ป Stock Photo!
ควรรู้ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเว็ปไซต์ Stock Photo แบบฟรีหรือเสียเงิน ก็ต้องระวังด้วยว่าเขาให้สิทธิ์เราในการนำภาพไปใช้ทำอะไรได้บ้าง ผู้ใช้ภาพควรอ่านก่อนว่าแต่ละภาพนั้นเราทำอะไรกับมันได้บ้าง อาทิ กำหนดมาโดยเฉพาะหรือเปล่าว่านำไปใช้กับงานประเภทใดเท่านั้น ใช้กับงานพาณิชย์ งานโฆษณาได้หรือไม่ เมื่อใช้ต้องให้เครดิตหรือเปล่า นำภาพไปแก้ไขตัดต่อได้ไหม และสิทธิ์ที่เรามีในภาพนั้นมีเงื่อนไขอย่างไร เราจ่ายเงินซื้อครั้งเดียวหรือต้องจ่ายทุกครั้งที่เรานำไปเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ
รวมถึงภาพที่เราซื้อมาจากแพ็คเกจรวมๆ นั้นเราไม่ได้มีสิทธิ์ขาด คนอื่นก็สามารถซื้อรูปไปใช้ได้เช่นกัน จึงอาจมีปัญหาตามมาว่ามีการใช้รูปซ้ำกันกับธุรกิจอื่น โดยเฉพาะระหว่างแบรนด์ที่อยู่ในธุรกิจลักษณะเดียวกัน ดังนั้นทีมงาน UNBOX จึงขอแนะนำว่าภาพที่จะใช้เป็นตัวแทนของแบรนด์เรานั้นก็ควรจะถ่ายหรือวาดภาพไว้ใช้เองจะดีกว่า
(รูปเดียวกันถูกปรับแต่งเล็กน้อยก็นำไปวางขายในเว็ป Stock Photo ได้หลายเว็ป แม้แต่องค์ประกอบอย่างเรือในรูปยังถูกนำไปตัดต่อ ใช้ซ้ำในภาพสถานที่อื่น ๆ ได้ด้วย)
ตัวอย่างเว็ปไซต์ Stock Photo
ปัจจุบัน Website เหล่านี้มีสื่อหลากหลายประเภท ทั้งภาพถ่าย ภาพวาด Vector (ภาพจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิค) คลิปวีดีโอ ไปถึงเพลงประกอบ ซึ่งเราสามารถค้นหาด้วย Keywords หรืออัปโหลดภาพตัวอย่างเข้าไป เพื่อหารูปที่ใกล้เคียงกันก็ได้
(ตัวอย่างการค้นหาด้วยรูปภาพ)
ซึ่งใน Website จะมาพร้อมตัวคัดกรอง (Filter) ที่จะช่วยให้เราเจอภาพแบบที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น อาทิ แยกตามประเภทภาพ ภาพถ่ายภาพวาด ภาพแนวตั้งแนวนอน ภาพคน หรือเลือกจากโทนสีเราที่ต้องการให้มีในภาพ
(ตัวช่วยคัดกรองภาพจาก depositphotos.com ซึ่งในเว็ปอื่นๆ ก็มักทำในลักษณะนี้เช่นกัน)
ทางเลือกในการชำระเงินได้แก่ 1. ชำระเงินรายเดือน ราคาเป็น Package ตามจำนวนภาพที่สามารถ Save ออกไปใช้ได้ในแต่ละเดือน เหมาะสำหรับนำไปใช้ทำ Social Media Content หรือสื่อโฆษณาภายในประเทศได้ และ 2. ชำระเงินเพื่อลิขสิทธิ์ขั้นสูงที่สามารถนำรูปไปใช้ทำโฆษณาระดับนานาชาติได้
นอกจากนี้ผู้ที่มีทักษะการถ่ายหรือวาดภาพสามารถส่งภาพของตัวเองให้ทีมงานตรวจสอบเพื่อขอลงภาพใน Website นั้นๆได้ด้วย แล้วเราจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากเว็ปเมื่อมีคนโหลดภาพของเราไปใช้ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหารายได้เสริม
เว็ปไซต์ยอดฮิตของคนไทยนี้มีสื่อมากกว่า 370 ล้านชิ้น ทั้งรูปภาพ คลิปวีดีโอ คลิปเสียง และ Computer Graphic สามารถจัด Package เป็นแบบทีมเพื่อเก็บค่าใช้จ่ายที่คนคนเดียว แต่มีผู้ใช้ 2-10 คน ต่างคนต่างใช้บัญชีของตัวเองเพื่อเข้ามาโหลดภาพได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและง่ายต่อการจัดทรัพยากรให้ภายในทีมใช้
ราคาแพคเกจรายเดือนสำหรับภาพถ่ายจะเริ่มต้นที่ 10 ภาพ ประมาณ 600 บาทต่อเดือน (เฉลี่ย 60 บาทต่อภาพ) ไปถึง 50,350, สูงสุดที่ 750 ภาพ ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทต่อเดือน
(คลังสื่อกว่า 207 ล้านชิ้น อาจจะจำนวนน้อยกว่า Shutterstock แต่ก็สู้ด้วยราคาแพ็คเกจ)
ราคาแพ็คเกจรายเดือนสำหรับภาพถ่ายเริ่มต้นที่ 10 ภาพต่อเดือน ประมาณ 300 บาท (30 บาทต่อภาพ) ไปถึง 75,150,750 ภาพต่อเดือน สูงสุดที่ประมาณ 6,000 บาท
เว็ปนี้เน้นที่ภาพวาดและ Vector เป็นหลัก มีคลังสื่อกว่า 13 ล้านชิ้นให้เลือกใช้ มีให้โหลดฟรีได้ 10 ชิ้นต่อวันด้วยหากลงทะเบียนกับทางเว็ปไซต์ แต่จุดเด่นของ Freepik คือการซื้อแพ็คเกจเป็นผู้ใช้แบบพรีเมียม เพราะตลอดทั้งเดือนสามารถโหลดภาพออกมาใช้ได้สูงสุดถึงวันละ 100 ชิ้น
ราคาแพ็คเกจผู้ใช้พรีเมียมรายเดือนอยู่ที่ประมาณเดือนละ 400 บาท โหลดสื่อออกมาใช้ได้สูงสุดถึง 3,000 รูปต่อเดือนถ้าขยันโหลด 100 รูปทุกวัน
เว็ปไซต์ที่ขายภาพเป็นรูปเดี่ยวๆ และลงรายละเอียดในแต่ละรูปว่าเราต้องการภาพขนาดเท่าไร ลิขสิทธิ์ในระดับไหน ซึ่งเราสามารถซื้อลิขสิทธิ์ภาพได้ถึงระดับที่โหลดภาพออกมา Print ขายได้เสมือนเป็นเจ้าของภาพเอง
ราคาภาพเริ่มต้นที่ประมาณ 120 บาทสำหรับภาพขนาดเล็กที่สุด แล้วเพิ่มขึ้นตามระดับความคมชัดและลิขสิทธิ์ที่ต้องการไปถึงหลักหมื่นบาท
ตัวอย่างเว็บไซต์ Free Stock Photo แจกรูปฟรี
เว็ปเหล่านี้ทำเงินจาก Banner โฆษณา ได้เงินจากจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ อาจจะแทรกขายภาพแบบที่ต้องซื้อเผื่อว่าผู้ที่เข้ามาหาภาพใช้ฟรีมาเห็นเข้าจะเลือกซื้อภาพแบบที่ติดลิขสิทธิ์ไปใช้แทน
เว็ปเหล่านี้ดึงดูดให้คนมาลงรูป โดยผู้ที่เอารูปมาลงจะได้มีพื้นที่ในการเผยแพร่ผลงานและมีโอกาสที่จะได้รับการว่าจ้างงานจากคนที่เข้ามาค้นหารูปฟรี
ลิขสิทธิ์ในภาพบนเว็ปไซต์ของบางเว็ปให้เป็นแบบกว้างๆ ครอบคลุมทุกรูปที่แสดงบนเว็ปไซต์ และบางเว็ปจะกำหนดไว้ในรายละเอียดของรูปที่เราเลือกดู
โทนสีรูปจะออกกลางๆ ไม่เน้นอารมณ์หรือความชอบส่วนตัวของศิลปินผู้นำรูปมาโพสต์ จึงค่อนข้างใกล้เคียงกับเว็ปไซต์ Stock Photo แบบที่ต้องเสียเงิน เหมาะสำหรับนำไปตัดต่อในการทำ Branding
รูปมักผ่านฟิลเตอร์มาแล้ว มีโทนสีตามเอกลักษณ์และความชอบของคนโพสต์ ภาพจะมีชีวิตชีวากว่า แต่ขณะเดียวกันก็เอาไปตัดต่อปรับสีอีกครั้งยาก จึงมักต้องใช้รูปตามที่คัดลอกมาเลย
มีทั้งคลังภาพแบบฟรีและเสียเงินอยู่ในเว็ปเดียวกัน ให้เราเลือกได้ว่าจะค้นหาจากคลังไหน
อีกหนึ่งแหล่งของภาพที่ผ่านฟิลเตอร์มาแล้ว ทั้งนี้ Pexels มีหน้า Discover และ Challenge คล้ายกับใน Social Media จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาแรงบันดาลใจไปใช้สร้าง Content ด้วย เจอรูปที่ใช่ก็เซฟไปได้เลย
(ภาพชาวเอเชียในหลากหลายอิริยาบถและบทบาทหน้าที่ โหลดฟรี 10 รูปต่อวัน)
ความเสี่ยงจากการใช้รูปโดยไม่ขออนุญาต
กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นกฎหมายสากลฟ้องร้องกันข้ามประเทศได้ รูปที่เจ้าของเป็นชาวต่างชาติเราจะแอบเอามาใช้ในเผยแพร่ในประเทศไทยก็ยังผิดกฎหมายสากลและอาจโดนฟ้องร้องดำเนินคดีได้ นอกจากนี้ถ้าเป็นรูปคนที่ถ่ายเห็นใบหน้าล่ะก็ ภาพถ่ายบุคคลที่เห็นใบหน้าชัดเจนนับว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล จึงอาจมีความผิดฐานละเมิดสิทธิส่วนบุคคล มีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ทั้งปรับและจำคุก ต้องระวังกันไว้ด้วย ทำงานกันให้ถูกต้องตั้งแต่แรกดีกว่าครับ
Contributor
Karn Triamsiriworakul
Learned about reasoning from the school of law but landed job in marketing field to work toward his interest in art and psychology.
