วันนี้ทีม UNBOX อยากจะนำเรื่องชีวิตเอเจนซี่โฆษณา (เอเจนซี่) มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจทำงานในวงการนี้กันครับ
แบรนด์ที่ต้องการทำโฆษณาแต่ไม่ถนัดในการสร้างโฆษณาของตัวเองก็มักจะหา Advertising Agency หรือเอเจนซี่โฆษณามาช่วยสร้างโฆษณาให้แทน โดยเอเจนซี่อาจรับผิดชอบวางแผนไปจนถึงขั้นตอนสร้างสื่อโฆษณาเอง หรือทำงานเป็นตัวกลางประสานงานหาบุคคลที่ 3 มาสร้างสื่อโฆษณาให้ก็ได้
ใช้ชีวิตกับคนจากหลายหลายวงการ
ในโปรเจคโฆษณาชิ้นหนึ่งมีขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่เก็บข้อมูล วางแผน ขายงาน ผลิตโฆษณา ไปจนถึงดูแลลูกค้า ทำให้ในเอเจนซี่ต้องมีคนจากหลากสาขาอาชีพมารวมกัน ทั้งนักวางแผนโฆษณา นักเขียน นักถ่ายทำวีดีโอ นักตัดต่อวีดีโอ นักขาย (เซลล์) นักวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงคนสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ซึ่งต่างก็มีพื้นฐานความรู้แตกต่างกัน แต่ต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน เป็นสีสันหนึ่งที่ทำให้เราได้รู้จักผู้คนจากหลากสาขาอาชีพ ได้สัมผัสวิธีการคิดและทำงานที่แตกต่างกันออกไปของพวกเขา อาจจะได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆ ที่เราไม่เคยมองเห็นอีกด้วย
อยู่กับไอเดียและความคิดสร้างสรรค์
จะเรียกงานโฆษณาว่างานศิลปะก็ไม่ผิด เพราะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานที่ประทับใจคนเหมือนกัน ซึ่งลูกค้ามักจะนำโจทย์ปัญหาหินๆ ใส่กระเป๋ามาปรึกษา เพราะแม้แต่ลูกค้าเองยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้คนประทับใจ มีคนในสังคมพูดถึง จดจำแบรนด์และสินค้าของพวกเขาได้ ถึงได้ต้องการปรึกษากับเอเจนซี่โฆษณา
การจะทำให้บรรลุโจทย์เหล่านั้นได้ ต้องอาศัยไหวพริบและความคิดสร้างสรรค์ ลดเลี้ยวหาสูตรมาทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ขึ้นมา แม้แต่สินค้าหรือแบรนด์ที่อาจดูจำเจไม่มีจุดเด่น แต่ก็เป็นหน้าที่ของเอเจนซี่โฆษณาว่าจะหาจุดไหนของแบรนด์ลูกค้ามาเล่นมาพลิกให้เกิดความน่าสนใจขึ้นมา
ทำงานเป็นทีม อุดรอยรั่ว และหาทางออกที่ดีที่สุด
งานในเอเจนซี่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการทำงานเป็นทีม มีการ Brainstorm กันบ่อย เพราะไอเดียที่ดีมักไม่ได้เกิดจากความคิดของคนคนเดียว แต่ต้องเอาไอเดียจำนวนมากจากคนหลายคนมารวมกัน ตัดแต่งด้วยความเห็น ทบทวนผ่านมุมมองของคนหลายคนจนแน่ใจว่าไม่มีช่องโหว่ ออกมาเป็นไอเดียที่น่าจะดีที่สุด
ในหลายเอเจนซี่จะใช้ไวท์บอร์ด โพสต์อิท ผนังกระจก ในการวางแผนงานเพื่อให้ทุกคนในทีมเห็นภาพร่วมกัน บางเอเจนซี่มีหลายทีม และมีการเวียนทีมที่รับผิดชอบลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ทีมใหม่ๆ ได้นำไอเดียใหม่ๆ เข้ามาเสนอกับลูกค้า ส่วนหนึ่งก็คือทีมจะได้ไม่ต้องทำงานกับลูกค้าลักษณะเดิมๆ นานเกินไป จนทำให้เกิดกรอบความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา
แรงกดดัน ทำให้เราต้องตื่นตัวและปรับตัวอย่างรวดเร็ว
โปรเจคโฆษณาอาจกินเวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน ลูกค้าก็มาพร้อมกับความคาดหวังสูงเป็นธรรมดา เพราะเขาลงทุนทั้งเงินทั้งเวลากับไอเดียของเรา ไม่มีการันตีแน่นอนว่าไอเดียของเราจะประสบความสำเร็จ แต่ก็จ้างเราเพราะเชื่อว่าเราจะให้ไอเดียที่มีประโยชน์กับธุรกิจของเขาได้ ดังนั้นเมื่อลูกค้าลงทุนกับความเชื่อและการวาดภาพในอากาศแล้ว พวกเขาก็จะมาพร้อมกับคำถามปริมาณมาก เพื่อให้แน่ใจว่าไอเดียของเราทั้งตอนที่วางแผนและระหว่างดำเนินการนั้น จะเกิดผลดีกับธุรกิจของพวกเขา
นอกจากนี้ โดยมากพนักงานแต่ละคนจะได้ดูแลลูกค้ามากกว่า 2-3 แบรนด์พร้อมกันด้วย หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดของเอเจนซี่ คนทำงานเอเจนซี่โฆษณาจึงมีความสามารถในการแยกสมองให้ดี เมื่อลงมือทำงานให้กับลูกค้าแต่ละเจ้า
ในเวลา 1 สัปดาห์ อาจมี Deadline งานของลูกค้าหลายเจ้าเข้ามาพร้อมกัน มีช่วงหฤหรรษ์ถ้าโปรเจคใหญ่ๆ ต้องถูกนำเสนอติดๆ กัน (หรืออาจจะพร้อมกันก็มี) เหล่านี้ทำให้คนในเอเจนซี่ต้องทำงานภายใต้ความกดดัน แต่ก็ช่วยฝึกการจัดสรรงาน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เรียนรู้อย่างกว้างขวาง
เพราะเอเจนซี่เป็นตัวกลาง สามารถผลิตโฆษณาให้กับสินค้าใด แบรนด์ใด จากสาขาใดก็ได้ตราบเท่าที่ไม่ขัดจรรยาบรรณอาชีพ ดังนั้นผู้ที่ทำงานในเอเจนซี่ก็จะได้เจอกับลูกค้าจากหลากหลายวงการ ลูกค้าแต่ละเจ้าก็จะมาพร้อมโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป ซึ่งขณะที่ทำงานให้กับพวกเขา ทางเอเจนซี่เองก็จะได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจของลูกค้าพร้อมทั้งทำความเข้าใจผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าไปด้วย
ในตอนดำเนินงานเราก็มีโอกาสสร้างเครือข่ายของคนรู้จักกับคนในวงการโฆษณา เช่น พนักงานจากแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต่างๆ อย่าง Google, Facebook ที่เข้ามาช่วยบริหารโฆษณาออนไลน์, ทีมงาน Production House ถ่ายภาพหรือวีดีโอโฆษณา, Influencers, ผู้ให้บริการบิลบอร์ด ผู้ให้เช่าพื้นที่โฆษณาสื่อ Offline ไปจนถึง Organizer ผู้จัดงานอีเว้นต์
สิ่งนี้ช่วยพัฒนาทักษะและสร้างรากฐานประสบการณ์อย่างกว้างขวาง จึงไม่แปลกที่หลายคนเริ่มต้นจากการทำงานเอเจนซี่และได้ค้นพบทางที่ตัวเองสนใจอยากศึกษาต่อ หรือเจอแนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งที่ทำให้การทำงานในเอเจนซี่ไม่น่าเบื่อ (แต่กับบางคนอาจจะเหนื่อยแทน) เพราะว่าเป็นงานที่เจอการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่ากระแสสังคม เทรนด์ แฟชั่นของคนที่เปลี่ยนไป คนที่ทำงานในเอเจนซี่จึงต้องติดตามเรื่องราวรอบตัว เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวมานำเสนอให้ถูกใจคนสมัยนี้
รวมไปถึงตอนนี้มีแพลตฟอร์ม Social Media ใหม่ๆ ที่คนตามไปเสพ Content เกิดขึ้นกันมากมาย ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็มาพร้อมกับอุปกรณ์ในการทำโฆษณาออนไลน์ใหม่ๆ ด้วย ผู้ที่ทำงานเอเจนซี่ก็ต้องคอยติดตามพฤติกรรมของผู้คนบน Social Media แพลตฟอร์มต่างๆ และเทคนิคการใช้อุปกรณ์ทำโฆษณาทั้งหลาย เพื่อหาวิธีทำโฆษณาออกมาให้สวยงาม ถูกใจผู้ชม และกลมกลืนกับแต่ละแพลตฟอร์มนั้นนั้น
การสื่อสารคือหัวใจ
ทุกคนในเอเจนซี่ควรเป็นนักสื่อสาร ทุกคนต้องรู้ว่าคุณค่าของงานตัวเองคืออะไร อธิบายงานของตัวเองได้ ขายงานได้ เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนในทีม เข้าใจลูกค้า และสื่อสารกันให้ทุกคนสามารถเดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสุดท้ายแล้วทีมเราจะได้นำเสนอโฆษณาออกไปสื่อสารกับผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมาก
แบรนด์ๆ หนึ่งอาจพูดกับประชาชนมากกว่าที่โฆษกรัฐบาลทำเสียอีก นี่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้หลายคนชื่นชอบงานโฆษณา เพราะเรามีโอกาสสร้างผลงานที่มีคุณค่าเพื่อสื่อสารไปยังคนจำนวนมาก ทั้งยังอาจช่วยจุดประกายและสร้างสรรค์สังคมได้อีกด้วย