ชวนคุยแสนสิริ กับ Pride Campaign ที่ขับเคลื่อนสังคมด้วยใจ(คน)องค์กร

เข้าสู่เดือนมิถุนายน ซึ่งถือได้ว่าเป็น Pride Month หรือเดือนแห่งการตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศ หลายๆองค์กรต่างพากันออกแคมเปญเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุน เป็นกระบอกเสียง และร่วมกันขับเคลื่อนสังคมอย่างมีสีสัน หนึ่งในองค์กรที่แสดงจุดยืนทางด้านนี้มาอย่างชัดเจนและต่อเนื่องมากที่สุดองค์กรหนึ่งคือแสนสิริ หนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย ซึ่งได้ขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวนี้มาเป็นเวลามากกว่า 5 ปี และได้สร้าง Social Impact ที่น่าประทับใจจนเป็นกำลังใจให้ทีมงานเบื้องหลังต่างพร้อมใจกันตื่นเต้นและลุกขึ้นมาทำแคมเปญนี้ด้วยหัวใจเต็มร้อยในทุกๆปี โดย UNBOX ได้รับโอกาสในการพูดคุยกับคุณทศพร กรกิจ Corporate Marketing Manager บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเบื้องหลังผู้จัดคำแคมเปญ Pride ของทางแสนสิริ พร้อมบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้เราเข้าใจว่าทำไม Pride Campaign ของแสนสิริถึงออกมาสร้างสรรค์ และสร้างคุณค่าให้กับสังคมมากกว่าการเป็นแค่การสื่อสารเพื่อภาพลักษณ์ขององค์กรมาเป็นเวลาร่วมครึ่งทศวรรษแล้ว

(คุณทศพร กรกิจ Corporate Marketing Manager บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน))

จุดเริ่มต้นที่ทีมงานมองเห็น ผู้บริหารที่พร้อมสนับสนุน และชุมชนที่เห็นคุณค่า
“เมื่อ 5 ปีที่แล้วเราเริ่มต้นแคมเปญนี้ด้วยแค่ความอยากทำ เราอยากพูด เราเอาแนวคิดไปคุยกับผู้บริหาร คุณเศรษฐา ทวีสิน ท่านเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะสอดคล้องกับจุดยืนองค์กร ทีนี้เราก็เลยทำเลย ปีแรกเราเริ่มอย่างง่ายๆ ไร้เดียงสามาก เราเริ่มจากเปลี่ยนโลโก้เป็นสีรุ้ง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี คนดีใจที่เรากล้าพูด แล้วเราก็เริ่มไปทำกับชุมชน อย่างปีแรกๆเราไปทำ Installation Arts ใกล้ๆโรงเรียนในพื้นที่ของเรา ตอนแรกเราก็กลัวมากว่าจะโอเคไหม ปรากฏทางโรงเรียนชอบมาก เราก็ดีใจว่าเรื่องที่เราพูดมันมีคนสนับสนุน”

5 ปีผ่านไปกับความท้าทายในสิ่งที่จะพูดในแต่ละปี ทำอย่างไรให้แต่ละปีสิ่งที่เราพูด มันยังเป็นแก่นเรื่องเดิม แต่มันสื่อสารอะไรใหม่ๆให้คนสนใจในแต่ละปี
“จริงๆแล้วในการทำแคมเปญของเราจะอิงมาจาก 2 อย่างหลัก อย่างแรกเลยคือเรื่องของ Global Theme เราจะดูก่อนเลยว่าปีนี้ระดับนานาชาติพูดเรื่องอะไร อย่างปีนี้ทางนิวยอร์ค หรือ NYC Pride เค้าประกาศ Theme ในปี 2021 ว่า The Fight Continues เราก็มาตีความว่าที่ประเทศไทยเราจะพูดเรื่องต่อสู้อะไร ซึ่งเราก็ตัดสินใจเลือกพูดเรื่องของความเท่าเทียม ซึ่งเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก และในประเทศไทยเราก็มีเรื่องความไม่เท่าเทียมอยู่หลายมิติ

“และอีกอย่างที่สำคัญมากก็คือกลับมาที่องค์กรของเรา Business Direction ของเราชัดเจนเสมอ เรานั่งคุยกับคุณเศรษฐา เกี่ยวกับจุดยืน ซึ่งท่านมองเห็นเรื่องความเท่าเทียมเป็นประเด็นสังคมเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดือดร้อนทางอาชีพ คนตกงาน เกษตรกรที่ขายของไม่ได้ และท่านก็ชัดเจนเรื่องการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องมานานมากแล้ว ทีนี้สิ่งที่มันสิ่งที่โลกต้องการสื่อสาร และจุดยืนของเรามันไปด้วยกันได้ ก็เลยลงตัวว่าปีนี้เราจะพูดเรื่องความไม่เท่าเทียม”

เห็นปีนี้ทางแสนสิริจับมือกับทาง UNDP ทำแคมเปญ Live Equally…เราเท่ากัน
“เรามองหาว่าใครที่จะช่วยเราพูดเรื่องนี้ได้บ้าง แล้วเราก็เล็งเห็นทาง UNDP (United Nations Development Programme) ซึ่งเราพูดคุยกันและไม่ได้จะทำแค่ Campaign การสื่อสาร แต่เราปฏิบัติในเรื่องความเท่าเทียมอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ อย่างการลงนามในสัญญา UN Global Standards of Conduct for Business สนับสนุนความหลากหลาย และความเท่าเทียมในองค์กรให้กับพนักงาน และเราก็ขยายผลชักชวนเพื่อนๆพันธมิตรคู่ค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็น บุญถาวร, SHARGE, DIVANA, Ari Football, Gus Damn Good และ 7 บริษัทพันธมิตรคู่ค้าอสังหาฯ ได้แก่ All about Steel, K Tech, QS Innovation, นภัสนันท์, วิริยะสหกล, วีรษา และ บริษัท อะเฮดออล จำกัด ทุกคนยินดีที่จะพูดและทำเรื่องนี้ ซึ่งเราเองก็ดีใจมากที่แต่ก่อนคนพูดน้อย พอเราเริ่มทำ มันมีคนอยากพูดมากขึ้น หรือแม้แต่ด้วยในวงการอสังหาริมทรัพย์เอง เวลาเราเห็นเค้าเริ่มพูดบ้าง เราก็ดีใจนะ คือไม่ใช่แค่เราแล้ว แต่ทุกคนยอมรับและอยากร่วมกันสร้าง Social Impact นี้”

(แสนสิริ จับมือ UNDP ปีที่ 2 ย้ำบทบาทองค์กรสนับสนุนความหลากหลาย LGBTQ+ ผนึก 15 พันธมิตร ร่วมประกาศจุดยืนแกร่ง พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ ด้าน “ความเท่าเทียมในทุกมิติ” จากในองค์กรสู่สังคม)

แปลว่าปีนี้เราตั้งใจพูดกว้างขึ้นมากกว่าประเด็น LGBTIQ+ ซึ่งกว้างมาก มีวิธีการเตรียมประเด็นการสื่อสารอย่างไรบ้างคะ
“พี่มองว่าการสื่อสารที่ดีมันต้องเรียบง่าย เข้าใจ และพออยู่ภายใต้แบรนด์ มันยังต้องสื่อสารตัวตนแบรนด์ได้ดีด้วย ในขั้นเริ่มต้นเราเลยกลับมามองที่โลโก้แสนสิริเราที่ปกติมี 5 ชั้น แล้วเราก็ปิ๊งว่าถ้าเราลดมันเหลือ 2 ชั้น มันจะกลายเป็นเครื่องหมายเท่ากับ หรือเครื่องหมาย = เท่ากัน เลยนะ ซึ่งพอสื่อนี้ออกไป คนเข้าใจ ได้ทั้งแบรนด์ ได้ทั้งความหมายในการสื่อสาร ส่วนนึงของแนวคิดการออกแบบนี้คือพอเราจะพูดเรื่องสังคม เราต้องลดอีโก้ลงบ้าง แต่เราก็ยังไม่ทิ้งความเป็นองค์กรเราได้”

“แต่เรื่อง Message ที่กว้างและเยอะนี่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย ดังนั้นส่วนในเรื่องของ Timing ช่วงแรกต้นเดือนนี้เราจะยังพูดเรื่อง Pride ก่อน เพราะเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด และเข้าใจง่าย แต่ให้รอดูช่วงกลางและปลายเดือน เราจะเริ่มพูดเรื่องความเท่าเทียมในมิติอื่นมากขึ้น รอติดตามชมกันครับ”

(สัญลักษณ์ = ที่ลดทอนจากโลโก้แสนสิริ 5 ชั้น ปรากฏอยู่ในทุกส่วนของ Campaign Live Equally)

แปลว่าในการทำ Social Campaign ที่ดี แบรนด์ก็ต้องได้ สังคมก็ต้องได้ ที่ผ่านมาทีมงานเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก Campaign ของเราในอย่างไรบ้างคะ ทั้งในเชิงสังคมและมุมการตลาดของเราเอง
“ในเชิงสังคม เบื้องต้นเราเช็คได้จาก Social ว่าพอเรากล้าพูดเรื่องนี้ เราได้รับ Feedback ดี Engagement ดี ซึ่งเราก็ดีใจที่คนเห็นด้วยและช่วยกันส่งเสียงสนับสนุนกัน แต่ที่มากกว่านั้นคือตอนนี้มันไม่ได้เกิดแค่กับเรา แต่เราทำให้มีพาร์ตเนอร์หลายคนกล้าพูดไปพร้อมกับเราด้วย เสียงเราไม่ได้ดังคนเดียวแล้ว แล้วพอหลายๆคนเริ่มพูด มันจะเริ่มมีพลังและยั่งยืน”

“ส่วนเชิงการตลาด คือเราไม่ได้แค่สื่อสารนะ ตัวนโยบายอื่นๆของบริษัทเราก็สนับสนุนเรื่องนี้จริงๆ อย่างเราเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่นำร่องผลักดันการกู้ร่วมกันของคู่รัก LGBTIQ+ซึ่งพักหลังเรารับทราบมามากขึ้นว่ามีลูกค้า LGBTIQ+ ที่เลือกเราเพราะรู้ว่าเราเข้าใจเค้า เราก็ดีใจมาก ที่เค้าคิดถึงเรา (ยิ้ม)”

(คุณเขื่อน-ดนัย หนึ่งใน Influencer ที่มีจุดยืนร่วมขับเคลื่อนความหลากหลายทางเพศในสังคม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของCampaign Live Equally… เราเท่ากัน)

แสนสิริมองการพูดเรื่องความเท่าเทียมระยะยาวอย่างไร
“เราน่าจะต้องพูดเรื่องนี้กันอีกนาน แต่อีกสัก 10 ปีเรื่อง Gender นี่น่าจะเป็นประเด็นที่เล็กลงไปมาก อาจจะด้วยคนยอมรับมากขึ้น หรือมีความเหลื่อมล้ำอื่นที่ชัดเจนมากกว่า อาจจะเป็นเรื่องสถานะทางสังคม และอื่นๆมากกว่า
และวันนั้นเองด้วยจุดยืนขอแสนสิริ และตัวเราเอง ที่เราไม่ได้มองแค่ตัวเราเอง เรามองสังคมด้วย เราก็คงกล้าที่จะพูด : ) ”

(Installation Arts: Circle of Equality ที่ T77)

จบบทสนทนากับคุณทศไปด้วยความอิ่มเอมใจและเห็นพลังงานการสื่อสารที่ท่วมท้นจากคุณทศเองและทีมงานที่วันนี้ทาง UNBOX เองยังไม่มีบรรยากาศได้เจอ แต่ก็สัมผัสได้ ดังนั้นเพื่อให้สมกับการเป็นบล็อกทางการตลาด ทาง UNBOX ของสรุปคีย์สำหรับของการสร้าง Social Campaign ออกมาดังนี้ค่ะ

Key Takeaway:

  1. การทำ Social Campaign ที่สร้าง Impact ได้จริงนั้น เกิดจากคนในองค์กรเองให้ความตระหนักรู้ต่อประเด็นนั้นอย่างแท้จริง ผู้บริหารมีจุดยืนที่ชัดเจน และพร้อมให้ทีมได้แสดงศักยภาพ
  2. โดยตัว Campaign นั้นควรสื่อสารไปในทิศทางเดียวกับระดับมหภาค (เช่นนานาชาติ) แต่ก็ต้องตรงกับแนวทางและแก่นธุรกิจของบริษัท จึงจะทำให้ Campaign นั้นมีพลังมากยิ่งขึ้น และยังแสดงตัวตนทางธุรกิจได้ดี
  3. Campaign ที่ยั่งยืนคือ Campaign ที่ได้รับความร่วมมือในระยะยาวจากหน่วยอื่นในธุรกิจที่แท้จริง และดำเนินการอย่างถาวรไม่ใช่แค่เพียงช่วงการจัดทำแคมเปญ เช่นแสนสิริให้ความห่วงใยต่อการออกแบบแบบ Universal Design ที่รองรับการใช้งานของผู้คนทุกรูปแบบ ทำให้การจะพูดว่า “ใส่ใจต่อความเท่ากัน” นั้นเป็นสิ่งที่คนเชื่อและไม่เกินจริง
  4. การหา Partnership ในสิ่งที่เราต้องการพูด จะทำให้เสียงของเราดังขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ดังเช่นพันธมิตร 15 รายของแสนสิริในปีล่าสุด

ติดตามชม VDO เรื่องราวของแคมเปญ Live Equally พร้อมกันได้ที่ :
Facebook : https://www.facebook.com/sansirifamily/posts/10158218447000334
Youtube : https://youtu.be/KMILr6Rrlpg
#SansiriPride #MadeForEveryone #LiveEqually

Contributor

Jinsiree Palakawongsa Na Ayudhya

Full-time lecturer at a school of communication arts and freelance event planner. Living with a strong passion for experiential and event marketing. Her happiness is all about making event audiences smile and playing with her cats.

Contributor

Share this post with your friends

More Articles

blog
Jinsiree Palakawongsa Na Ayudthaya

Start-Up: เรื่องนี้จริงไหม จากในซีรีส์?

บทความนี้มีส่วนเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนของซีรีส์ ผู้อ่านควรรับชมอย่างน้อย 6 Episode ก่อนอ่านบทความ ซีรีส์เกาหลีที่ฮ็อตที่สุดในนาทีนี้ ต้องยกให้ Start-Up ว่าด้วยเรื่องราวเส้นทางการเติบโตของเหล่า Startup

Read More »
Comodo SSL