(Victoria’s Secret ในยุคก่อนกับภาพลักษ์สาวเซ็กซี่รูปร่างสูงโปร่ง ขอบคุณภาพจาก Vogue Thailand)
จากนางฟ้าสุดเซ็กซี่สู่คุณค่าความงามแบบสากล
หลังจาก Victoria’s Secret แบรนด์ชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ชื่อดัง ได้ประกาศยกเลิกการจัดแฟชั่นโชว์ของเหล่านางฟ้าตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เนื่องด้วยการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงจุดยืนของทางแบรนด์จากกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการให้คุณค่าต่อเรือนร่างผู้หญิงในแบบที่สูงโปร่ง ผอมบาง เซ็กซี่อย่างเป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด สู่การปฏิวัติ หรือปรับเปลี่ยนแบรนด์ที่เริ่มให้คุณค่ากับเรือนร่างสตรีที่มีความหลากหลาย และให้ความสำคัญกับผู้หญิงในมิติที่นอกเหนือไปจากจากด้านรูปร่างมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการเปลี่ยนชุดผู้บริหาร ทีมงาน และเริ่มสะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ออกมาในรูปแบบแคมเปญที่แตกต่างหลากหลายมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
(ภาพลักษณ์ใหม่ของ Victoria’s Secret)
โดยล่าสุดในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ ทาง Victoria’s Secret ได้ประกาศจัดตั้งทีม VS Collective อันประกอบไปด้วยผู้หญิงจากหลากหลายสาขาอาชีพจำนวน 7 คน ที่จะมาช่วยให้คำแนะนำให้แบรนด์ไปในทางที่สอดคล้องต่อมุมมองต่อสตรีในโลกสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น หรือในสำนักข่าวต่างชาติบางสื่อนั้นเรียกว่าพวกเธอนั้นเทียบเท่าภาพลักษณ์ หรือเป็น Ambassador ชุดใหม่ของแบรนด์เลยทีเดียว โดย VS Collective นั้นประกอบไปด้วย
1. Adut Akech: นางแบบ ผู้ลี้ภัย และผู้สนับสนุนสวัสดิภาพทางสุขภาพจิต
2. Amanda De Cadenet: ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ผู้สนับสนุนความเท่าเทียม และผู้ก่อตั้ง #Girlgaze โครงการเกี่ยวกับการสนับสนุนช่างภาพหญิง
3. Eileen Gu: นักสกีลูกครึ่งจีน-อเมริกัน นางแบบ และผู้สนับสนุนด้านผู้หญิงและกีฬา
4. Megan Rapinoe: นักเคลื่อนไหวด้าน LGBTQIA+ นักฟุตบอล และผู้ผลักดันรายได้ที่เท่าเทียมระหว่างเพศ
5. Paloma Elsesser: ผู้สนับสนุนด้านความเท่าเทียมทางรูปร่างสรีระ และนางแบบ
6. Priyanka Chopra Jonas: นักแสดง โปรดิวเซอร์ และผู้ประกอบการ
7. Valentina Sampaio: นักเคลื่อนไหวด้าน LGBTQIA+ นักแสดง และนางแบบ
(รายชื่อ VS Collective ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ Victoria’s Secret)
Martin Waters หนึ่งในผู้บริหารของ Victoria’s Secret ยุคปัจจุบันได้กล่าวยอมรับว่าที่ผ่านมานั้น Victoria’s Secret นั้นแต่ก่อนอาจไม่ได้ปรับตัวให้เท่าทันกับผู้หญิงในโลกสมัยใหม่มากนัก โดยเมื่อก่อนแบรนด์นั้นอาจมีการสื่อสารที่ตอบโจทย์ว่าผู้ชายต้องการอะไร แต่ตอนนี้ทางแบรนด์ปรับมุมมองกลับมามองโจทย์ว่าที่แท้จริงคือผู้หญิงต้องการอะไร โดยตอนนี้ทางทีมผู้บริหาร Victoria’s Secret ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงแทบจะทั้งหมด รวมไปถึงการแต่งตั้งกลุ่ม VS Collective ในครั้งนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ Victoria’s Secret นั้นได้เริ่มสะท้อนขึ้นมาจากการทำแคมเปญวันแม่เป็นครั้งแรกของแบรนด์ ซึ่ง “ความเป็นแม่” นั้นมิได้มีภาพลักษณ์ที่เข้ากับความเซ็กซี่ของแบรนด์ในสมัยก่อนนัก พร้อมการเปิดตัวคอลเลคชั่นบราสำหรับสตรีให้นมบุตรต่อมา เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่มีความรอบด้านมากกว่าเพียงแค่ความเซ็กซี่ในรูปแบบซ้ำเดิมเหมือนสมัยก่อน
(ภาพส่วนหนึ่งของแคมเปญวันแม่จาก Victoria’s Secret)
การเปลี่ยนแปลงหรือการ Rebrand ครั้งใหญ่ของ Victoria’s Secret ในช่วงที่ผ่านมานั้นได้รับกระแสการตอบรับเชิงบวกที่สูงมาก แต่ถึงแม้กระนั้นยังมีเสียงต่อต้านต่อภาพลักษณ์ของเหล่า VS Collective บางส่วน โดยเฉพาะต่อ Megan Rapinoe นักฟุตบอล LGBTQIA+ โดยเปรียบเทียบกับการอยากให้ Victoria’s Secret Angel กลับมาดังเดิม เหล่าคนดังในทวิตเตอร์บางส่วนนั้นยังได้ออกมา Tweet แซวถึงการเปลี่ยนแปลงของ Victoria’s Secret ว่าขยับเปลี่ยนแปลงที่ได้ช้ากว่าแบรนด์อื่น และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนแท้จริงหรือไม่
และคำถามที่สำคัญนั่นคือ เมื่อแบรนด์ใหญ่อย่าง Victoria’s Secret นั้นขยับตัวค่อนข้างช้ากับประเด็นนี้ จะสามารถสร้างความแตกต่าง และน่าจดจำไปมากกว่าแบรนด์อื่นๆที่ปรับตัวก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่ และจะสามารถสร้างอิทธิพลต่อความคิดด้านรูปแบบความงามของผู้หญิงในสังคมโลกเราได้มากน้อยเพียงใด ต้องรอติดตามชมกันในระยะยาวค่ะ
Contributor
Jinsiree Palakawongsa Na Ayudhya
Full-time lecturer at a school of communication arts and freelance event planner. Living with a strong passion for experiential and event marketing. Her happiness is all about making event audiences smile and playing with her cats.