ในเวลานี้ภาพนิ่งไม่พอที่จะดึงดูดสายตาคนอีกต่อไปแล้ว สื่อจำนวนมากที่อยากได้ Awareness เพิ่มจากผู้ชมก็ต้องหันไปทำเป็นรูปแบบวีดีโอแทน ในวันนี้ทีมงาน UNBOX จึงอยากจะยกโปรแกรม Video Editor ที่น่าสนใจในปี 2021 มาแนะนำกัน ในบทความนี้มีทั้งโปรแกรมที่ใช้ฟรีและไม่ฟรี
ลองศึกษาหาตัวที่น่าสนใจหรือเหมาะกับงานที่คุณกำลังจะทำ แล้วกดดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ตามลิงก์ที่แนบไว้ได้เลยครับ
โปรแกรมสำหรับสายฟรี
โปรแกรมเหล่านี้ เป็นโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่เราดาวน์โหลดมาใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ฟีเจอร์พื้นฐาน ได้แก่ ตัดคลิป, ใส่เสียงพากย์ เสียงเอฟเฟ็กต์, ใส่ Background Music, แยกวีดีโอเป็นตอนๆ, ใส่ตัวอักษร, เพิ่มลดความเร็ววีดีโอ และยังมีเอฟเฟ็กต์ 3D แปะใส่วีดีโอ ส่วนฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ก็แล้วแต่แต่ละโปรแกรม
Windows 10 Video Editor
ใครที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 10 จะมีโปรแกรมนี้ติดตั้งมาด้วยไม่ต้องไปหาโหลดจากที่ไหน! คนไม่ค่อยรู้ว่ามีอยู่ เพราะต้องใช้เสิร์ชหาจาก Start Menu โปรแกรม Video Editor นี้มีข้อเสียคือเราไม่สามารถใส่ Transition ระหว่างคลิปได้ แต่ข้อดีคือเรียนรู้การใช้งานไม่ยาก สำหรับมือใหม่ใช้ทำงานวีดีโอ Presentation ง่ายๆ ได้สบาย
OpenShot
โปรแกรมฟรี 100% หมายความว่าไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเวอร์ชั่น Pro เป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาการตัตต่อวีดีโอ ลองดูว่าตัวเองชอบงานแนวนี้หรือไม่ มีฟีเจอร์พื้นฐานให้ใช้ค่อนข้างครบ ทั้งการใส่ Transition และการปรับ Keyframe
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.openshot.org
ShotCut
โปรแกรมฟรี 100% อีกตัว ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ชนิดที่หาคลิปสอนใช้งานได้เต็ม YouTube โปรแกรม ShotCut ทำ Transition ได้ง่าย และสามารถปรับโหมดการใช้งานเพื่อทำงานปรับแต่งวีดีโอแต่ละด้านได้อย่างละเอียด ได้แก่ โหมด Color Grading ปรับสีวีดีโอ, ปรับเสียง, Fx ปรับเอฟเฟ็กต์ในวีดีโอ
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.shotcut.org
DavinCi Resolve
สุดยอดโปรแกรมตัดต่อที่ใช้งานได้ฟรี ทำงานตัดต่อภาพยนตร์ระดับหนัง Hollywood ได้เลยทีเดียว มีฟีเจอร์เยอะกว่าทุกตัวที่กล่าวมา ตัวอย่างเช่น ปรับ Frame Rate, Image Stabilization ลดการสั่นของวีดีโอ เป็นต้น ข้อเสียเดียวของ DaVinCi Resolve ก็คือกินแรงประมวลผลของคอมพิวเตอร์สูงมาก ดังนั้นต้องใช้คอมพิวเตอร์สเปคแรงพอสมควรเลยจึงจะใช้งานโปรแกรมนี้ได้ราบรื่น
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.blackmagicdesign.com/products/davinciresolve/
มาดูโปรแกรมที่ไม่ฟรีกันบ้าง
อันที่จริงถ้าจะตัดต่อวีดีโอสำหรับอัปโหลดขึ้น Social Media ใช้โปรแกรมฟรีก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องทำงานวีดีโอเป็นประจำหรือตัดต่อวีดีโอเพื่อขึ้นทีวีหรือบิลบอร์ด Video Editor แบบที่เราต้องเสียเงินซื้อเหล่านี้ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากขึ้น เพราะสามารถตัดวีดีโอที่มีความสูงระดับ 4K ขึ้นไป และมาพร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอีกมากมาย
WeVideo
เว็บตัดต่อวีดีโอที่เราทำงานตัดต่อบน Cloud ข้อดีที่สุดของ WeVideo คือ ให้ความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับการทำงานเป็นทีม เพราะให้ Access กับหลาย ๆ คน เข้ามาช่วยกันดูงานได้ WeVideo รองรับอุปกรณ์ทุกรูปแบบ ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่จากสมาร์ทโฟน ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาดูและทำงานตัดต่อได้จากทุกที่ ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพอ
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.wevideo.com/
DaVinci Resolve Studio
จากสุดยอดโปรแกรมฟรี เมื่อจ่ายเงินเพิ่มก็มีฟีเจอร์เพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยจ่ายครั้งเดียวได้สิทธิ์ใช้งานตลอดชีพ แถมอัปเดตให้เรื่อยๆ อีกด้วย ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาได้แก่ ตัวเลือกทำงานออนไลน์ให้เราทำงานร่วมกับคนที่ใช้ DaVinCi Resolve ด้วยกัน, Facial Recognition เพื่อหาซีนที่มีตัวละครที่เราต้องการทั้งหมด, ทำงานความชัดระดับ Ultra HD และที่สำคัญคือฟีเจอร์ที่ทำให้วีดีโอของเราดูมีคุณภาพขึ้น อาทิ ลบวัตถุในวีดีโอ, เพิ่มความคมชัด, ลบเสียงรบกวน และอื่น ๆ อีกมากมาย
สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.blackmagicdesign.com/products/davinciresolve/studio
Adobe Premier Pro
ตัวท็อปของ Video Editor ซึ่งมีฟีเจอร์ของทุกตัวที่กล่าวมา สิ่งที่ทำให้ Adobe Premier Pro อยู่เหนือกว่าโปรแกรมตัดต่ออื่น ๆ คือรองรับหลายสกุลไฟล์มาก ๆ จึงสามารถทำงานตัดต่อได้โดยไม่ต้องแปลงไฟล์ก่อน มากกว่านั้นคือ Adobe Premier Pro เป็นโปรแกรมในตระกูล Adobe จึงสามารถทำงานข้ามกันระหว่างโปรแกรมอื่น ๆ ในตระกูล Adobe ได้อย่างสะดวก ทั้ง Photoshop, Illustrator ทำให้โปรแกรมนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่บริษัทตัดต่อภาพและวีดีโอ เพราะโปรเจกต์หนึ่งหนึ่งสามารถรวมไฟล์จากทุกทีมได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว
ดาวน์โหลดได้ที่ : https://www.adobe.com/th_en/products/premiere/free-trial-download.html
Tips สำหรับการตัดต่อวีดีโอเพื่อการโฆษณา
- ต้องมี Subtitle เสมอ จากสถิติของ YouTube มากกว่า 80% ของผู้ชมดูวีดีโอโดยไม่เปิดเสียงเนื่องด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น บางคนมีความพิการทางการได้ยิน บางคนไม่อยากเปิดเสียงในที่สาธารณะ ดังนั้นการมี Subtitle จะช่วยให้คนหลายประเภทสามารถดูวีดีโอของเราได้ และหากเนื้อหาที่พูดกันในเรื่องเป็นภาษาไทย การทำ Subtitle ภาษาอังกฤษก็ช่วยให้คนทั่วโลกเข้าถึงวีดีโอของเราได้อีกด้วย นอกจากนี้ Subtitle ยังช่วยแก้ปัญหาจิปาถะเกี่ยวกับเสียง เช่น เวลาที่ตัวละครพูดเร็วๆ บทสนทนามีคำที่ฟังยากหรือศัพท์เฉพาะที่คนไม่คุ้นเคย Subtitle จะช่วยให้ผู้ชมทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
- ต้อง Capture ความสนใจจากผู้ชมให้ได้ใน 3-7 วินาทีแรก อย่างที่คลิป Trailer โปรโมตภาพยนตร์ของ Hollywood จะมีสรุปทั้งคลิปให้ดูในช่วงต้นคลิปก่อนจะเข้า Trailer จริงๆ เรียกว่าเป็น Trailer ของ Trailer อีกที สำหรับวีดีโอถ่ายทอดความบันเทิงอาจจะตัด Highlight มาไว้ที่หัวคลิปก่อน เพื่อให้คนดูรู้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจในคลิปจะได้รอรับชม
- คลิปควรมีความยาวที่เหมาะสมตามเรื่องที่จะพูด อาจจะลองเปรียบเทียบกับวีดีโอประเภทเดียวกันที่มีในท้องตลาด ว่าถ้าทำคลิปประเภทนี้ความยาว 3 นาที กับความยาว 10 นาที แบบไหนได้รับความนิยมมากกว่ากัน
Contributor
Karn Triamsiriworakul
Learned about reasoning from the school of law but landed job in marketing field to work toward his interest in art and psychology.