รู้จัก YOLO Economy: ชีวิตแบบเกิดมาครั้งเดียว ต้องไม่เสียดาย

*บทความนี้ส่วนหนึ่งแปลจากบทความ Welcome to the YOLO Economy ของ Kevin Roose

เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา Kevin Roose ได้เผยแพร่บทความ Welcome to the YOLO Economy ในเว็บไซต์ New York Times ซึ่งถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงหลัง COVID-19 แบบหนึ่งที่น่าสนใจ ทาง UNBOX จึงขอหยิบยกนำมาเล่าให้ฟัง เผื่อใครที่จะรู้สึกว่าตนเองเป็นหนึ่งในชาว YOLO หรือหากไม่ใช่ พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ก็นับว่าน่าสนใจ และสามารถเป็นหนึ่งในรูปแบบผู้บริโภคที่เราสามารถเข้าไปทำการตลาดได้อย่างดี เพราะมีความพร้อมลอง พร้อมท้ายทาย และยังมีกำลังทรัพย์ค่อนข้างดีค่ะ

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในระหว่างสถานการณ์ COVID-19 นั้น กลุ่ม Generation Y (หรือเกิดในช่วงต้นปี 1980 จนไปถึงใกล้ปี 2000) ซึ่งปัจจุบันถึงช่วงวัยทำงาน และเริ่มรับตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้น ผู้คนในวัยเหล่านี้เป็นจำนวนมากเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ และใช้ชีวิตหน้าการประชุมออนไลน์มากเกินไป ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจากการเริ่มฉีดวัคซีน (ในประเทศสหรัฐอเมริกา) คนกลุ่มนี้พบว่ามีเงินเก็บที่เหลือจากการอยู่บ้านมาเป็นระยะเวลานาน และพร้อมในการใช้จ่ายเพื่อตนเองหลังจากผ่อนคลายการล็อคดาวน์ จึงเกิดพฤติกรรมกลุ่มคนที่เรียกว่า YOLO อันย่อมาจาก “You only live once.” ซึ่งโด่งดังจากท่อนหนึ่งในเพลง The Motto ของ Drake แปลว่าเราเกิดมามีชีวิตครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในภายหลังกลายมาเป็น Meme ในวงการนักเทรดหุ้นรวมถึงนำมาใช้อธิบายทัศนคติของกลุ่มคน Gen Y กลุ่มที่กล้ากระโดดออกมาจาก Comfort Zone เพื่อใช้ชีวิตในแบบที่จะไม่เสียใจในภายหลัง

แต่ไม่ใช่ Gen Y ทุกคนที่สามารถเข้าข่ายเป็นชาว YOLOer ได้ เพราะกลุ่มคน YOLO นั้นถือเป็นกลุ่มคนทำงานที่มีอาชีพการงานและสถานะทางรายได้หรือเงินเก็บที่อยู่ในระดับที่ไม่ได้รับผลกระทบทางการเงินจาก COVID-19 มากเท่ากลุ่มคนทั่วไป ซึ่งอาจเป็นเพราะลักษณะงานที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก หรืออาจมีเงินเก็บมากเพียงพอจนสามารถพร้อมรับความเสี่ยงในการก้าวออกมาจากความมั่นคงได้ ในวันหนึ่งนั้นกลุ่มคนเหล่านี้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องติดกับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานมากกว่า 10 ชั่วโมง และเกิดการตั้งคำถามถึงชีวิตขึ้นมาว่า ความเชื่อที่ว่าถ้าเราทำงานหนักแล้ววันหนึ่งจะมีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมาได้นั้นเป็นความจริงหรือไม่

และคำถามที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ทำไมเราไม่เลือกที่จะมีความสุขตอนนี้เลย แทนที่จะต้องรอ?
และในที่สุด คนกลุ่มนี้ก็จะมีทางเลือกและสถานะทางการเงินที่ปลอดภัยพอที่จะทำให้ออกจากงานอันแสนมั่นคง ในช่วงภายหลังสภาวะ COVID-19 นั้นซาลง อาจจะเพื่อทำงานที่ใกล้บ้านมากขึ้น รับงานอิสระมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดนั่นคือการหลีกหนีอาการเหนื่อยล้า (Burn out) ทางอาชีพการงานนานที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน

แต่ทั้งนี้ การแก้ปัญหาอาการ Burnout ของเหล่าพนักงานนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่บริษัทระดับนานาชาติหลายบริษัทเช่น Twitter นั้นก็ได้จัดทำโปรแกรมพิเศษให้พนักงานได้มีวันพักมากขึ้นอย่าง #DayofRest เป็นต้น แต่ก็ไม่ใช่พนักงานทุกคนที่จะพึงพอใจกับวันลาที่มากขึ้น หากปัญหาที่พวกเขารู้สึกคือการทำงานอยู่ในที่เดิมๆอย่างน่าเบื่อ จึงไม่อาจรั้งพนักงานหลายๆคนไว้ได้ ประกอบกับความรู้สึกว่าสิ่งที่มั่นคงนั้น อาจจะไม่ได้มั่นคงเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งโลกใบนี้ยังมีความเปิดกว้างในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือมีวิธีการสร้างทรัพย์สิน ความมั่งคั่งในรูปแบบอื่นมากกว่าการทำงานที่คนเหล่านี้เคยคิดว่ามั่นคงที่สุดแล้ว

แต่ทั้งนี้เมื่อผ่านการตัดสินใจออกจาก Comfort Zone ครั้งนี้ไป ก็อาจเป็นไปได้ที่เหล่า YOLO จะตัดสินใจกลับเข้ามาสู่วงจรการงานที่มั่นคงอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาจต้องการหวนกลับสู่รูปแบบรายได้แบบดั้งเดิม หรือไม่ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองตามหาแล้วก็เป็นไปได้

จากบทความดังกล่าว จึงหันกลับมามองในประเทศไทยว่า เราจะมีกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมสอดคล้องกับแนวทางที่เรียกว่า YOLO มากน้อยเพียงใด ทาง UNBOX จึงได้ลองสอบถามคนรอบตัวที่ได้ออกจากงานประจำ หรือเปลี่ยนจากอาชีพที่เคยแสนจะมั่นคงในช่วง COVID-19 มาลองเป็นกรณีศึกษาว่ากลุ่มคนแบบ YOLO นั้นมีอยู่จริงในประเทศไทยบ้างไหม

จากการพูดคุยกับคนรอบข้างที่ได้เปลี่ยนงานในช่วง COVID-19 อันมาจากการตัดสินใจในการเปลี่ยนเองนั้น (มิใช่สถานการณ์บีบบังคับ) พบว่ามีเหล่า Gen-Y หลายคนที่พบสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่ได้อยู่กับบ้านมากขึ้นจริง และแสวงหาการทำสิ่งอื่นที่เป็นการพัฒนาทักษะมากยิ่งขึ้น หรืออาจกล้าเปลี่ยนสายงานไปยังอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 น้อยกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยคิดใฝ่ฝันไว้ว่าอยากลองเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่แน่นอนในประเทศไทย พบว่าการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงของคน Gen-Y ส่วนมากนั้นยังมีข้อคำนึงถึงช่องทางรายได้เสียส่วนมาก ว่าต่อให้อยากจะ YOLO สักเท่าไหร่ แต่เส้นทางที่เลือกออกมานั้นยังต้องเป็นสิ่งที่หาเลี้ยงชีพได้พอเลี้ยงตัวอยู่ดี การจะก้าวออกมาเริ่มต้นใหม่กับอะไรที่ไม่มั่นใจกับช่องทางรายได้เลยนั้นอาจเป็นสิ่งที่น่าหวั่นเกรงเกินไปสักเล็กน้อย

ดังนั้น จึงต้องรอจับตามองต่อไปว่า เมื่อสถานการณ์ COVID-19 ในไทยนั้นดีขึ้น จะมีชาว YOLOer ที่กล้าออกมา ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตตนเองบ้างขึ้นไหม หรือสำหรับผู้อ่านเอง อาจจะลองคิดทบทวนว่าตั้งแต่วันที่ COVID-19 เข้ามา เรามีมุมมอง และทัศนคติต่องั้นนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างหรือเปล่าค่ะ 😊

Contributor

Jinsiree Palakawongsa Na Ayudhya

Full-time lecturer at a school of communication arts and freelance event planner. Living with a strong passion for experiential and event marketing. Her happiness is all about making event audiences smile and playing with her cats.

Contributor

Share this post with your friends

More Articles

blog
Nisara Sittatikarnvech

10 ปีของ Instagram กับเหตุผลที่ว่าทำไมคนทั้งโลกถึงติด ‘ไอจี’ กันแบบงอมแงม

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 หากพูดถึงแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Instagram หลายคนอาจต้องเอียงคอสงสัยกันว่าแอปฯ ในมือถือที่ว่าคืออะไร แล้วมันทำอะไรได้บ้าง แต่เมื่อตัดภาพกลับมาที่ปี 2020 นี้

Read More »
blog
Katina Rinsawasdi

ทำเว็บไซต์ง่ายๆ ทำไมแพงจัง?

เว็บไซต์ถือเป็นหัวใจหลักในการทำ Digital Marketing ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เสมือนเป็นตัวตนของเราในโลก Digital พูดง่ายๆ คือ หน้าร้านออนไลน์! แต่สำหรับหลายๆ

Read More »
Comodo SSL